มูลค้างคาวที่ผลิตเป็นส่วนมาก เป็นมูลของค้างคาวกินแมลง มีสารอาหารมากกว่ามูลค้างคาวกินพืชที่พบทั่วไป
มูลค้างคาวประกอบด้วย
?ธาตุอาหารหลัก ไนโตรเจน,ฟอสฟอรัส โฟแทสเซียม
?ธาติอาหารรอง แคลเซียม,แมกนีเซียม,กำมะถัน,โบรอน
?ธาตุอาหารเสริม ทองแดง,เหล็ก,แมงกานิส,โมลิปดินั่ม,สังกะสี และ
?ประกอบด้วยองค์ประกอบ ฮิวมิดฟอร์ม,อินทรีวัตถุ,ตัวย่อยสลาย
#คุณสมบัติของมูลค้างคาว
?ให้ธาตุอาหารครบทั้งอาหารหลัก อาหารรอง อาหารเสริม
?ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์และปุ่ยเคมีที่ตกค้างในดิน กลับมาเป็นธาตุอาหารของพืช
?มีจุลินทรีย์ช่วยย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ ทำให้ดินร่วนซุย พร้อมปรับสภาพ ความเป็นกรด-ด่างให้เหมาะสม ช่วยให้การขยายรากได้เร็ว และลำต้นแข็งแรง ไม่โค้นล้มง่าย
?ให้พืชแข็งแรงช่วยให้ขั้วเหนียวบำรุงต้นให้เจริญเติบโต ออกดอก ออกผลมาก
?ช่วยป้องกันโรครากเน่าโคนเน่า ที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย
?ช่วยให้ทั้งปริมาณผลผลิตและคุณภาพ ขนาดรสชาติ สีสันของผลผลิตได้ดีกว่า
#การนำมูลค้างคาวมาใช้
?มูลค้างคาวมีปริมาณความเข้มข้นของธาติอาหารสูงกว่าปุ๋ยอิทรีย์ชนิดอื่นๆ นอกจะให้ธาติอาหารเพียงพอแล้วยังช่วยปรับปรุงคุณสมบัติดินให้ดีขึ้นด้วย
?การใช้มูลค้างคาวอย่างสม่ำเสมอช่วยให้แบคทีเรียทำงานได้ดีขึ้น ทำให้เกิดการสลายตัวของอินทรีย์สาร เปลี่ยนไปเป็นธาติอาหารของพืชได้ง่ายขึ้น
?ในมูลค้างคาวอุดมไปด้วยธาติอาหารเสริม เช่น แมกนีเซียม,กำมะถัน, แมงกานิส,สังกะสี,ทองแดง,โบรอนและโมลินเดนมี ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของพืชโดยทั่วไป
?การใช้ปุ๋ยมูลค้างคาวอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันทำให้ผลตกค้างของปุ๋ยเหลือสะสมอยู่ในดินแบะค่อยๆสลายตัวเป็นอาหารของพืชภายหลังต่อไปทีละน้อยอีกด้วย
?มูลค้างคาวให่ธาติอาหารฟอสฟอรัสมากเป็นพิเศษทั้งนี้เพราะเป็นสัตว์กินแมลงจึงเหมาะสมเป็นพิเศษกับการใช้ปุ๋ยใส่สวนผลไม้ที่เป็นผลกลิ่นหอม เช่น ทุเรียน ลิ่นจี่ กล้วยหอม ลำไย มะม่วง ฯลฯ
รูปเพิ่มเติม