ไพรลินบ้านสวน | สมุทรสาคร
เมล็ดพันธุ์ผักเบี้ยใหญ่ ผักพื้นบ้าน 1 ซองบรรจุ 200 เมล็ด
สนใจสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ที่เว็บไซด์
www.pilin-seeds.lnwshop.com
ไลน์ pilin-seeds
Tel.0613030939
ราคาเมล็ดละ 50.00 บาท ติดต่อ ไพรลิน สุทะ โทร. 0613030939 0613030939 ไอดีไลน์ pilin-seeds
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 8 ปี 3 เดือน
เมล็ดพันธุ์ดี เกษตรวิถีไทย | เมืองระยอง ระยอง
ผักเบี้ยใหญ่ สรรพคุณและประโยชน์ของผักเบี้ยใหญ่ 30 ข้อ ผักเบี้ยใหญ่นี้มีรสเย็นและช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด (ใบ)น้ำคั้นของต้นมีสรรพคุณเป็นยาฟอกโลหิต (น้ำคั้นของต้น)ใช้แก้เด็กหัวล้าน ด้วยการใช้ยานี้นำมาเคี่ยวให้ข้น ใช้เป็นยาทาหรือเอาไปผิงกับไฟให้แห้ง บดให้เป็นผงผสมกับไขหมูทาบริเวณที่เป็น (ต้น) ทั้งต้นใช้กินเป็นผักสด มีประโยชน์ต่อฟันมาก โดยน้ำคั้นที่ได้จากต้นเมื่อนำมาผสมกับน้ำมันกุหลาบ จะใช้อมเป็นยาแก้เจ็บคอ แก้เหงือกบวม และช่วยทำให้ฟันทนได้ (ทั้งต้น) ช่วยแก้อาการปวดหู ปวดฟัน (น้ำคั้นของต้น)ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน (ทั้งต้น)สมุนไพรชนิดนี้มีรสเปรี้ยวเย็น ใช้เป็นยาแก้ร้อน ดับพิษ (ทั้งต้น)ใช้แก้เด็กเป็นไข้สูง ด้วยการใช้ต้นสดตำพอกวันละ 2 ครั้ง (เข้าใจว่าตำพอกบริเวณศีรษะ) (ต้น)ใช้แก้เด็กไอกรน ด้วยการใช้ยานี้ปรุง 50% โดยใช้ยานี้สด 250 กรัม ใส่น้ำ 1.5 ลิตร แล้วต้มให้เหลือ 100 ซี.ซี. แล้วแบ่งกิน 3 วัน วันละ 4 ครั้ง โดยทั่วไปแล้วหลังจาก 3 วันจะเห็นผล เด็กจะมีอาการไอลดลงและมีอาการดีขึ้น (ต้น) น้ำคั้นจากใบสดใช้ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำตาล ใช้ปรุงเป็นยาแก้อาการกระหายน้ำ แก้ไอแห้ง (ใบ) ส่วนอีกตำราระบุให้ใช้เมล็ดเป็นยาแก้กระหายน้ำและแก้อาการไอ (เมล็ด) ช่วยกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก (น้ำคั้นของต้น)ใช้เป็นยาแก้บิดถ่ายเป็นเลือด ให้ใช้ต้นสด 550 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด แล้วเอาไปนึ่งประมาณ 3-4 นาที ตำคั้นเอาน้ำมาประมาณ 150 ซี.ซี. ใช้รับประทานครั้งละ 50 ซี.ซี. วันละ 3 ครั้ง หรือจะใช้ยานี้สด 1 กำมือ ผสมปลายข้าว 3 ถ้วย นำมาต้มเป็นข้าวต้มเละ ๆ รับประทานแบบจืด ๆ ตอนท้องว่างก็ได้ (ต้น)[5] ใช้ป้องกันบิด ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 550 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน 1 เวลา ในระยะที่มีโรคบิดระบาดติดต่อกัน 10 วัน (ต้น) ใช้แก้เด็กท้องร่วง ด้วยการใช้ยานี้สด 250-500 กรัม นำมาต้มกับน้ำใส่น้ำตาลพอประมาณ แล้วนำมาให้เด็กกินเรื่อย ๆ จนหมดใน 1 วัน โดยให้กินติดต่อกัน 2-3 วัน หรืออาจจะใช้ต้นสดนำมาล้างให้สะอาดผิงไฟให้แห้ง แล้วบดให้เป็นผงกินครั้งละ 3 กรัม กับน้ำอุ่นก็ได้ วันละ 3 ครั้ง (ต้น)ช่วยหล่อลื่นลำไส้ (ทั้งต้น)เมล็ดใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ (เมล็ด) เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาถ่ายพยาธิ บางท้องถิ่นจะนำเมล็ดมาตำแล้วต้มกับเหล้าไวน์ ให้เด็กรับประทานเป็นยาถ่ายพยาธิ (เมล็ด) น้ำคั้นจากใบสดผสมกับน้ำผึ้งและน้ำตาล ใช้ปรุงเป็นยารับประทานแก้ขัดเบา (ใบ)ส่วนอีกตำราระบุให้ใช้เมล็ดเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา (เมล็ด) ใช้เป็นยาแก้หนองใน ปัสสาวะขัด ด้วยการรับประทานน้ำคั้นที่ได้จากต้น (ต้น)] ช่วยรักษาริดสีดวงทวารแตกเลือดออก (ทั้งต้น)แก้ริดสีดวงทวารปวดบวม ด้วยการใช้ใบสดผสมกับส้มกบ (Oxalis Thunb.) อย่างละเท่ากัน ต้มเอาไอร้อน พอน้ำอุ่นก็ใช้ชะล้างวันละ 2 ครั้ง (ใบ)ใช้แก้ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ด้วยการใช้ต้นนี้ 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด เอาน้ำประมาณ 30 ซี.ซี. ผสมกับน้ำเย็นจนเป็น 100 ซี.ซี. ใส่น้ำตาลพอประมาณ ใช้รับประทานครั้งละ 100 ซี.ซี. วันละ 3 ครั้ง (ต้น)ใบใช้ตำพอกทาแก้ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก อักเสบบวม ไฟลามทุ่ง (ใบ) ช่วยแก้บวมและรักษาแผลเน่าเปื่อยเป็นหนองเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำคั้นเอาน้ำมาต้ม เมื่อเย็นแล้วนำมาใช้ทาหรือใช้ยานี้นำมานึ่งแล้วตำพอกบริเวณที่เป็น (ต้น)ใช้รักษาฝีประคำร้อย ด้วยการใช้ยานี้ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม เผาให้เป็นถ่าน บดให้เป็นผงผสมกับไขหมู แล้วชะล้างบาดแผลให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง แล้วเอายานี้มาพอกวันละ 3 ครั้ง (ต้น)ใช้รักษาแผลจากแมลงกัดต่อย ด้วยการใช้น้ำคั้นจากต้นนำมาทาบริเวณที่ถูกกัด (ต้น)ใช้แก้แผลกลาย มีก้อนเนื้องอก เลือดออกเรื่อย ๆ และแผลลามไปเรื่อย ๆ ด้วยการใช้ต้นนี้ประมาณ 500 กรัม นำมาเผาให้เป็นถ่าน บดเป็นผงผสมกับไขหมูทาบริเวณที่เป็น (ต้น)เนื่องจากพืชชนิดนี้จะมีสารที่เป็นเมือกอยู่ภายในต้น ใช้ทาภายนอกเป็นยาแก้อาการอักเสบและแผลต่าง ๆ ได้ (ใบ)การเก็บมาใช้ : ให้เก็บในระยะที่ใบและต้นเจริญงอกงามดีและกำลังออกดอก เช่น ในช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว และให้เก็บในวันที่ไม่มีฝน โดยตัดมาทั้งต้น ล้างน้ำให้สะอาด ลวกน้ำร้อนแล้วรีบเอาขึ้นมาแช่ในน้ำเย็น เอาขึ้นมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปตากแห้งบนเสื่อเก็บเอาไว้ใช้ หรือนำมานึ่งแล้วใช้ได้เลย หรือจะใช้สดเลยก็ได้[5] ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม ให้นำใบผักเบี้ยใหญ่ตากแห้ง 1 กำมือ นำมาชงกับน้ำร้อนดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น[2] ส่วนการใช้ตามให้ใช้ต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม ถ้าสดให้ใช้ 60-120 กรัม นำมาต้มเอาน้ำหรือคั้นเอาน้ำกิน ส่วนการนำมาใช้ภายนอก ให้นำมาผิงไฟให้แห้งแล้วบดให้เป็นผงผสมกับน้ำทา หรือจะต้มเอาน้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นก็ได้[5] ข้อห้ามใช้ : สำหรับคนธาตุอ่อนท้องเสียได้ง่ายและสตรีมีครรภ์ห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้ และห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้ร่วมกับกระดองตะพาบน้ำ] ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของผักเบี้ยใหญ่ สารสำคัญที่พบในผักเบี้ยใหญ่ ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม สารสกัดด้วยน้ำ หรือ ether มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ gram-negative bacteria พบว่ามี noradrenaline, dopamine และ dopa ในพืชนี้พบ bioflavonoid liquiritin มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มระดับอินซูลินของกระต่ายที่เป็นเบาหวาน มีวิตามินซีสูงในพืชที่ยังอ่อน นอกจากนี้ยังพบ alanine, amyrin, compesterol, lauric acid, quercetin, serine, sitosterol, tocopherol, vitamin A[2] ในต้นผักเบี้ยใหญ่พบสารที่เป็นเมือก (mucilage)[1] เมื่อใช้สารสกัดเอทานอล 10% ของส่วนที่อยู่เหนือดินของผักเบี้ยใหญ่กับหนูขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว โดยฉีดเข้าทางช่องท้อง พบว่าจะแสดงฤทธิ์ระงับปวดและอักเสบ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองที่ใช้ diclofenac sodium แต่เมื่อให้ทางปากจะไม่แสดงฤทธิ์ดังกล่าว[6] จากการทดสอบความเป็นพิษ พบว่าเมื่อให้วัวกินใบผักเบี้ยใหญ่ ขนาด 48 กรัมต่อกิโลกรัม ไม่พบอาการเป็นพิษแต่อย่างใด[2] ข้อมูลทางคลินิกของผักเบี้ยใหญ่ เมื่อปี ค.ศ.1985 ได้มีการทดลองใช้สารสกัดผักเบี้ยใหญ่ในกระต่ายทดลอง ผลการทดลองพบว่าสารสกัดดังกล่าวสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่ถูกกระตุ้นให้เป็นเบาหวาน โดยสาร Alloxan ได้[2] เมื่อปี ค.ศ.1995 ที่ประเทศอียิปต์ ได้ทำการทดลองใช้สารสกัดจากผักเบี้ยใหญ่ในหนูทดลอง ผลการทดลองพบว่าสารสกัดดังกล่าวสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองได้[2] จากการใช้ป้องกันบิดจากเชื้อแบคทีเรีย ด้วยการใช้ใบและต้นสดของผักเบี้ยใหญ่ที่ล้างสะอาดแล้วนำมาหั่นให้เป็นฝอย 500 กรัม ใส่น้ำ 1500 ซี.ซี. แล้วต้มให้เหลือ 500 ซี.ซี. เสร็จแล้วรินใส่หม้อให้ผู้ใหญ่กินครั้งละ 70 ซี.ซี. วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2-7 วัน ส่วนเด็กให้กินเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ โดยใช้ยานี้นำไปต้มหรือผสมข้าวต้ม ใช้กินวันเว้นวัน ใช้กินป้องกันบิดก็ให้กินติดต่อกัน 10 วัน จากการสำรวจในระยะที่โรคบิดระบาด พบว่าคนที่เป็นบิดจะหายได้ง่ายหรือไม่ก็มีอาการไม่รุนแรง[5] จากการใช้แก้บิด ลำไส้อักเสบ ใช้แก้บิดที่เพิ่งเริ่มเป็นได้ผลหาย 50% ขึ้นไป ส่วนในบิดเรื้อรังจะแก้ได้ประมาณ 60% ยานี้กินมากไปก็ไม่มีพิษร้ายแรงอะไร ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เพราะเคยมีรายงานว่ามีคนไข้รายหนึ่งได้กินยาปรุงนี้ 100% มีอาการเป็นผื่นคัน ฉะนั้นควรใช้หญ้าสด 500 กรัม ถ้าแห้งให้ลดปริมาณลงมาครึ่งหนึ่ง ในการรักษาส่วนมากจะใช้ยาปรุง 50% ของยาแห้ง โดยใช้ยานี้แบบแห้งหนัก 125 กรัม ใส่น้ำ 1.5 ลิตร แล้วต้มให้เหลือ 500 ซี.ซี. ใช้แบ่งกินครั้งละ 50-100 ซี.ซี. หรือใช้ยาปรุง 100% ของยาสด ด้วยการนำยานี้สดประมาณ 500 กรัม ใส่น้ำ 1.5 ลิตร แล้วต้มให้เหลือ 500 ซี.ซี. ใช้แบ่งกินครั้งละ 40-70 ซี.ซี. วันละ 3-4 ครั้ง ถ้าเป็นเด็กให้ลดลงตามส่วน กินติดต่อกัน 7-10 วัน เป็น 1 รอบการรักษา พวกเป็นบิดเรื้อรังติดต่อกัน 4 อาทิตย์ ก็ไม่มีอาการพิษอะไร สำหรับพวกที่เป็นเรื้อรังมานานก็ให้ใช้น้ำคั้นต้มนี้สวนเข้าไปในลำไส้ครั้งละ 200 ซี.ซี. วันละ 1 ครั้ง[5] จากการใช้แก้พยาธิปากขอ พบว่าผู้ใหญ่ที่ใช้ยานี้สดในขนาด 150-170 กรัม เมื่อเอาน้ำมาผสมกับน้ำส้มสายชู 50 ซี.ซี. และอาจใส่น้ำตาลทรายพอประมาณลงไปผสม ใช้กินก่อนอาหารวันละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน เป็น 1 รอบการรักษา ถ้ากินในรอบต่อไปให้เว้นห่างกันประมาณ 10-14 วัน จากการรักษาคนไข้จำนวน 192 ราย ที่กินยานี้ 1-3 รอบ เมื่อเอาอุจจาระมาตรวจดูไข่ของพยาธิ ไข่พยาธิจะฝ่อไปประมาณ 80% โดยยานี้อาจนำมาทำเป็นยาเม็ดหรือแบบอีมัลชั่นเข้ม 50% แต่ในการรักษายาเม็ดจะได้ผลดีกว่าอีมัลชั่นและดีกว่าแบบยาต้ม ad [5] การใช้ทำให้มดลูกหดตัว จากคนไข้จำนวน 500 ราย ใช้ยาสกัดนี้ (ใน 1 ซี.ซี. คิดเทียบเท่ากับยานี้สด 1.6-3.2 กรัม) ฉีดแทนสารสกัดจากเออกอท (Claviceps purpurea (Fr.) Tulasne) พบว่าจะทำให้มดลูกคลายตัวแล้วหดตัวตามมา ใช้กับสตรีที่ตกเลือดหลังคลอด ใช้ฉีดเข้าไปที่มดลูกทั้งสองข้างและที่ปากมดลูกด้วยจากการใช้รักษาไส้ติ่งอักเสบชนิดเฉียบพลัน ด้วยการใช้ต้นแห้งกับโพกงเอ็ง (Taraxacum mongolicom Hand-Mazz) อย่างละ 60 กรัม หรือใช้ต้นสดที่เพิ่มปริมาณอีกเท่าตัว ต้มกับน้ำ 2 ครั้ง แล้วต้มจนเหลือน้ำ 200 ซี.ซี. ให้กินตอนเช้าและกลางวันครั้งละ 100 ซี.ซี. จากการรักษาคนไข้จำนวน 31 ราย พบว่ารักษาหายจำนวน 30 ราย ส่วนอีก 1 รายที่ไม่ได้ผลและต้องใช้การผ่าตัดช่วย โดยส่วนมากจะหายภายใน 3-8 วัน อาการไข้และจำนวนเม็ดเลือดขาวเป็นปกติ อาการปวดท้องและปวดเจ็บเมื่อกระโดดแรง ๆ ความตึงแน่นของบริเวณหน้าท้องและอาการเมื่อกดแล้วเจ็บก็หายไปด้วย หรืออีกวิธีให้เอาต้นตำให้แหลก เอาผ้าพันแผลห่อคั้นเอาน้ำออกมาประมาณ 30 ซี.ซี. ใส่น้ำตาลทรายผสมกับน้ำสุกจนครบ 100 ซี.ซี. แล้วกินให้หมดวันละ 3 ครั้งก็ได้เช่นกัน จา
ราคา100กิ่งปักชำละ 100.00 บาท ติดต่อ อังศรา ไพฑูรย์ โทร. 0876069955 0876069955 ไอดีไลน์ @043efhjv
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 7 ปี 7 เดือน
Misterherb | เมืองปราจีนบุรี ปราจีนบุรี
สมุนไพร ผักเบี้ยใหญ่
แพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ได้ค้นพบสมุนไพรตัวใหม่ ผักเบี้ยใหญ่
เป็นไม้ล้มลุกลำต้นเลื้อยทอดไปตามดิน อวบน้ำ
ใบเดี่ยว ออกตรงกลาง ใบมีลักษณะคล้ายลิ้น
ปลายมน โคนเรียวเล็ก ใบหนาเป็นมัน
ดอกมีทั้งเดี่ยวและช่อ ไม่มีก้านดอก สีเหลืองสด
ผลกลมรี เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาลจะพบขึ้นตามซอกหินซอกกำแพง ขึ้นง่ายตามธรรมชาติ ในชนบทมักนิยมนำมาทานจิ้มน้ำพริกหรือทำน้ำบูดู หรือทำแกงส้ม
แพทย์แผนไทยพบว่าผักเบี้ยใหญ่ มีสรรพคุณมากมายอาทิเช่น บำรุงผิว แก้ร้อนใน รักษาโรคสะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ ผิวหนัง ยารักษามะเร็ง แก้ไข้ในเด็ก แก้ตัวร้อน และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ทำการสาธิตนำผักเบี้ยใหญ่มาทำการสาธิต โดยการปั่นผสมน้ำ สาธิตใช้น้ำจากการปั่นมาทาผิวที่แห้ง ให้เกิดความชุ่มชื้น
ภญ.ดร.สุภาพร ปิติพร รองผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ในงานสมุนไพรแห่งชาติ ที่เมืองทองธานี สมุนไพรที่โดดเด่นทางเราจะนำไปเสนอคือผักเบี้ย ภายใต้แนวคิดผักเบี้ยกู้ชาติ เนื่องจากผักเบี้ยมีคุณสมบัติมากมาย โดยเฉพาะโรคผิวหนัง มีการจดสิทธิบัตรในต่างประเทศ ในเรื่องของการป้องกันแสง การโบท๊อก ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย หน้าเต่งตึงไม่ต้องฉีดโบท๊อก มีความปลอดภัยมากกว่า
สนใจ ติดต่อ จ่าพิเชษฐ์ 085-2889488 Line id @misterherb
#ผักเบี้ยใหญ
ราคา 45.00 บาท ติดต่อ พิเชษฐ์ จันทร์หอม โทร. 037471439 0852889488
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 9 ปี 0 เดือน