ค้นหาสินค้า

รายชื่อร้านขายต้นผักเบี้ยใหญ่ ในอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง

ขายต้นผักเบี้ยใหญ่ 1 ร้าน/สวน
จำนวนต้นผักเบี้ยใหญ่ 1 รายการ
ผักเบี้ยใหญ่ | เมล็ดพันธุ์ดี เกษตรวิถีไทย - เมืองระยอง ระยอง

1
รายการ

เมล็ดพันธุ์ดี เกษตรวิถีไทย | เมืองระยอง ระยอง
ผักเบี้ยใหญ่ สรรพคุณและประโยชน์ของผักเบี้ยใหญ่ 30 ข้อ ผักเบี้ยใหญ่นี้มีรสเย็นและช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด (ใบ)น้ำคั้นของต้นมีสรรพคุณเป็นยาฟอกโลหิต (น้ำคั้นของต้น)ใช้แก้เด็กหัวล้าน ด้วยการใช้ยานี้นำมาเคี่ยวให้ข้น ใช้เป็นยาทาหรือเอาไปผิงกับไฟให้แห้ง บดให้เป็นผงผสมกับไขหมูทาบริเวณที่เป็น (ต้น) ทั้งต้นใช้กินเป็นผักสด มีประโยชน์ต่อฟันมาก โดยน้ำคั้นที่ได้จากต้นเมื่อนำมาผสมกับน้ำมันกุหลาบ จะใช้อมเป็นยาแก้เจ็บคอ แก้เหงือกบวม และช่วยทำให้ฟันทนได้ (ทั้งต้น) ช่วยแก้อาการปวดหู ปวดฟัน (น้ำคั้นของต้น)ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน (ทั้งต้น)สมุนไพรชนิดนี้มีรสเปรี้ยวเย็น ใช้เป็นยาแก้ร้อน ดับพิษ (ทั้งต้น)ใช้แก้เด็กเป็นไข้สูง ด้วยการใช้ต้นสดตำพอกวันละ 2 ครั้ง (เข้าใจว่าตำพอกบริเวณศีรษะ) (ต้น)ใช้แก้เด็กไอกรน ด้วยการใช้ยานี้ปรุง 50% โดยใช้ยานี้สด 250 กรัม ใส่น้ำ 1.5 ลิตร แล้วต้มให้เหลือ 100 ซี.ซี. แล้วแบ่งกิน 3 วัน วันละ 4 ครั้ง โดยทั่วไปแล้วหลังจาก 3 วันจะเห็นผล เด็กจะมีอาการไอลดลงและมีอาการดีขึ้น (ต้น) น้ำคั้นจากใบสดใช้ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำตาล ใช้ปรุงเป็นยาแก้อาการกระหายน้ำ แก้ไอแห้ง (ใบ) ส่วนอีกตำราระบุให้ใช้เมล็ดเป็นยาแก้กระหายน้ำและแก้อาการไอ (เมล็ด) ช่วยกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก (น้ำคั้นของต้น)ใช้เป็นยาแก้บิดถ่ายเป็นเลือด ให้ใช้ต้นสด 550 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด แล้วเอาไปนึ่งประมาณ 3-4 นาที ตำคั้นเอาน้ำมาประมาณ 150 ซี.ซี. ใช้รับประทานครั้งละ 50 ซี.ซี. วันละ 3 ครั้ง หรือจะใช้ยานี้สด 1 กำมือ ผสมปลายข้าว 3 ถ้วย นำมาต้มเป็นข้าวต้มเละ ๆ รับประทานแบบจืด ๆ ตอนท้องว่างก็ได้ (ต้น)[5] ใช้ป้องกันบิด ด้วยการใช้ต้นสดประมาณ 550 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน 1 เวลา ในระยะที่มีโรคบิดระบาดติดต่อกัน 10 วัน (ต้น) ใช้แก้เด็กท้องร่วง ด้วยการใช้ยานี้สด 250-500 กรัม นำมาต้มกับน้ำใส่น้ำตาลพอประมาณ แล้วนำมาให้เด็กกินเรื่อย ๆ จนหมดใน 1 วัน โดยให้กินติดต่อกัน 2-3 วัน หรืออาจจะใช้ต้นสดนำมาล้างให้สะอาดผิงไฟให้แห้ง แล้วบดให้เป็นผงกินครั้งละ 3 กรัม กับน้ำอุ่นก็ได้ วันละ 3 ครั้ง (ต้น)ช่วยหล่อลื่นลำไส้ (ทั้งต้น)เมล็ดใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ (เมล็ด) เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาถ่ายพยาธิ บางท้องถิ่นจะนำเมล็ดมาตำแล้วต้มกับเหล้าไวน์ ให้เด็กรับประทานเป็นยาถ่ายพยาธิ (เมล็ด) น้ำคั้นจากใบสดผสมกับน้ำผึ้งและน้ำตาล ใช้ปรุงเป็นยารับประทานแก้ขัดเบา (ใบ)ส่วนอีกตำราระบุให้ใช้เมล็ดเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา (เมล็ด) ใช้เป็นยาแก้หนองใน ปัสสาวะขัด ด้วยการรับประทานน้ำคั้นที่ได้จากต้น (ต้น)] ช่วยรักษาริดสีดวงทวารแตกเลือดออก (ทั้งต้น)แก้ริดสีดวงทวารปวดบวม ด้วยการใช้ใบสดผสมกับส้มกบ (Oxalis Thunb.) อย่างละเท่ากัน ต้มเอาไอร้อน พอน้ำอุ่นก็ใช้ชะล้างวันละ 2 ครั้ง (ใบ)ใช้แก้ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ด้วยการใช้ต้นนี้ 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด เอาน้ำประมาณ 30 ซี.ซี. ผสมกับน้ำเย็นจนเป็น 100 ซี.ซี. ใส่น้ำตาลพอประมาณ ใช้รับประทานครั้งละ 100 ซี.ซี. วันละ 3 ครั้ง (ต้น)ใบใช้ตำพอกทาแก้ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก อักเสบบวม ไฟลามทุ่ง (ใบ) ช่วยแก้บวมและรักษาแผลเน่าเปื่อยเป็นหนองเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดนำมาตำคั้นเอาน้ำมาต้ม เมื่อเย็นแล้วนำมาใช้ทาหรือใช้ยานี้นำมานึ่งแล้วตำพอกบริเวณที่เป็น (ต้น)ใช้รักษาฝีประคำร้อย ด้วยการใช้ยานี้ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม เผาให้เป็นถ่าน บดให้เป็นผงผสมกับไขหมู แล้วชะล้างบาดแผลให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง แล้วเอายานี้มาพอกวันละ 3 ครั้ง (ต้น)ใช้รักษาแผลจากแมลงกัดต่อย ด้วยการใช้น้ำคั้นจากต้นนำมาทาบริเวณที่ถูกกัด (ต้น)ใช้แก้แผลกลาย มีก้อนเนื้องอก เลือดออกเรื่อย ๆ และแผลลามไปเรื่อย ๆ ด้วยการใช้ต้นนี้ประมาณ 500 กรัม นำมาเผาให้เป็นถ่าน บดเป็นผงผสมกับไขหมูทาบริเวณที่เป็น (ต้น)เนื่องจากพืชชนิดนี้จะมีสารที่เป็นเมือกอยู่ภายในต้น ใช้ทาภายนอกเป็นยาแก้อาการอักเสบและแผลต่าง ๆ ได้ (ใบ)การเก็บมาใช้ : ให้เก็บในระยะที่ใบและต้นเจริญงอกงามดีและกำลังออกดอก เช่น ในช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว และให้เก็บในวันที่ไม่มีฝน โดยตัดมาทั้งต้น ล้างน้ำให้สะอาด ลวกน้ำร้อนแล้วรีบเอาขึ้นมาแช่ในน้ำเย็น เอาขึ้นมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปตากแห้งบนเสื่อเก็บเอาไว้ใช้ หรือนำมานึ่งแล้วใช้ได้เลย หรือจะใช้สดเลยก็ได้[5] ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม ให้นำใบผักเบี้ยใหญ่ตากแห้ง 1 กำมือ นำมาชงกับน้ำร้อนดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น[2] ส่วนการใช้ตามให้ใช้ต้นแห้งประมาณ 10-15 กรัม ถ้าสดให้ใช้ 60-120 กรัม นำมาต้มเอาน้ำหรือคั้นเอาน้ำกิน ส่วนการนำมาใช้ภายนอก ให้นำมาผิงไฟให้แห้งแล้วบดให้เป็นผงผสมกับน้ำทา หรือจะต้มเอาน้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นก็ได้[5] ข้อห้ามใช้ : สำหรับคนธาตุอ่อนท้องเสียได้ง่ายและสตรีมีครรภ์ห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้ และห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้ร่วมกับกระดองตะพาบน้ำ] ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของผักเบี้ยใหญ่ สารสำคัญที่พบในผักเบี้ยใหญ่ ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม สารสกัดด้วยน้ำ หรือ ether มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ gram-negative bacteria พบว่ามี noradrenaline, dopamine และ dopa ในพืชนี้พบ bioflavonoid liquiritin มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มระดับอินซูลินของกระต่ายที่เป็นเบาหวาน มีวิตามินซีสูงในพืชที่ยังอ่อน นอกจากนี้ยังพบ alanine, amyrin, compesterol, lauric acid, quercetin, serine, sitosterol, tocopherol, vitamin A[2] ในต้นผักเบี้ยใหญ่พบสารที่เป็นเมือก (mucilage)[1] เมื่อใช้สารสกัดเอทานอล 10% ของส่วนที่อยู่เหนือดินของผักเบี้ยใหญ่กับหนูขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว โดยฉีดเข้าทางช่องท้อง พบว่าจะแสดงฤทธิ์ระงับปวดและอักเสบ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองที่ใช้ diclofenac sodium แต่เมื่อให้ทางปากจะไม่แสดงฤทธิ์ดังกล่าว[6] จากการทดสอบความเป็นพิษ พบว่าเมื่อให้วัวกินใบผักเบี้ยใหญ่ ขนาด 48 กรัมต่อกิโลกรัม ไม่พบอาการเป็นพิษแต่อย่างใด[2] ข้อมูลทางคลินิกของผักเบี้ยใหญ่ เมื่อปี ค.ศ.1985 ได้มีการทดลองใช้สารสกัดผักเบี้ยใหญ่ในกระต่ายทดลอง ผลการทดลองพบว่าสารสกัดดังกล่าวสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่ถูกกระตุ้นให้เป็นเบาหวาน โดยสาร Alloxan ได้[2] เมื่อปี ค.ศ.1995 ที่ประเทศอียิปต์ ได้ทำการทดลองใช้สารสกัดจากผักเบี้ยใหญ่ในหนูทดลอง ผลการทดลองพบว่าสารสกัดดังกล่าวสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองได้[2] จากการใช้ป้องกันบิดจากเชื้อแบคทีเรีย ด้วยการใช้ใบและต้นสดของผักเบี้ยใหญ่ที่ล้างสะอาดแล้วนำมาหั่นให้เป็นฝอย 500 กรัม ใส่น้ำ 1500 ซี.ซี. แล้วต้มให้เหลือ 500 ซี.ซี. เสร็จแล้วรินใส่หม้อให้ผู้ใหญ่กินครั้งละ 70 ซี.ซี. วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2-7 วัน ส่วนเด็กให้กินเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ โดยใช้ยานี้นำไปต้มหรือผสมข้าวต้ม ใช้กินวันเว้นวัน ใช้กินป้องกันบิดก็ให้กินติดต่อกัน 10 วัน จากการสำรวจในระยะที่โรคบิดระบาด พบว่าคนที่เป็นบิดจะหายได้ง่ายหรือไม่ก็มีอาการไม่รุนแรง[5] จากการใช้แก้บิด ลำไส้อักเสบ ใช้แก้บิดที่เพิ่งเริ่มเป็นได้ผลหาย 50% ขึ้นไป ส่วนในบิดเรื้อรังจะแก้ได้ประมาณ 60% ยานี้กินมากไปก็ไม่มีพิษร้ายแรงอะไร ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เพราะเคยมีรายงานว่ามีคนไข้รายหนึ่งได้กินยาปรุงนี้ 100% มีอาการเป็นผื่นคัน ฉะนั้นควรใช้หญ้าสด 500 กรัม ถ้าแห้งให้ลดปริมาณลงมาครึ่งหนึ่ง ในการรักษาส่วนมากจะใช้ยาปรุง 50% ของยาแห้ง โดยใช้ยานี้แบบแห้งหนัก 125 กรัม ใส่น้ำ 1.5 ลิตร แล้วต้มให้เหลือ 500 ซี.ซี. ใช้แบ่งกินครั้งละ 50-100 ซี.ซี. หรือใช้ยาปรุง 100% ของยาสด ด้วยการนำยานี้สดประมาณ 500 กรัม ใส่น้ำ 1.5 ลิตร แล้วต้มให้เหลือ 500 ซี.ซี. ใช้แบ่งกินครั้งละ 40-70 ซี.ซี. วันละ 3-4 ครั้ง ถ้าเป็นเด็กให้ลดลงตามส่วน กินติดต่อกัน 7-10 วัน เป็น 1 รอบการรักษา พวกเป็นบิดเรื้อรังติดต่อกัน 4 อาทิตย์ ก็ไม่มีอาการพิษอะไร สำหรับพวกที่เป็นเรื้อรังมานานก็ให้ใช้น้ำคั้นต้มนี้สวนเข้าไปในลำไส้ครั้งละ 200 ซี.ซี. วันละ 1 ครั้ง[5] จากการใช้แก้พยาธิปากขอ พบว่าผู้ใหญ่ที่ใช้ยานี้สดในขนาด 150-170 กรัม เมื่อเอาน้ำมาผสมกับน้ำส้มสายชู 50 ซี.ซี. และอาจใส่น้ำตาลทรายพอประมาณลงไปผสม ใช้กินก่อนอาหารวันละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน เป็น 1 รอบการรักษา ถ้ากินในรอบต่อไปให้เว้นห่างกันประมาณ 10-14 วัน จากการรักษาคนไข้จำนวน 192 ราย ที่กินยานี้ 1-3 รอบ เมื่อเอาอุจจาระมาตรวจดูไข่ของพยาธิ ไข่พยาธิจะฝ่อไปประมาณ 80% โดยยานี้อาจนำมาทำเป็นยาเม็ดหรือแบบอีมัลชั่นเข้ม 50% แต่ในการรักษายาเม็ดจะได้ผลดีกว่าอีมัลชั่นและดีกว่าแบบยาต้ม ad [5] การใช้ทำให้มดลูกหดตัว จากคนไข้จำนวน 500 ราย ใช้ยาสกัดนี้ (ใน 1 ซี.ซี. คิดเทียบเท่ากับยานี้สด 1.6-3.2 กรัม) ฉีดแทนสารสกัดจากเออกอท (Claviceps purpurea (Fr.) Tulasne) พบว่าจะทำให้มดลูกคลายตัวแล้วหดตัวตามมา ใช้กับสตรีที่ตกเลือดหลังคลอด ใช้ฉีดเข้าไปที่มดลูกทั้งสองข้างและที่ปากมดลูกด้วยจากการใช้รักษาไส้ติ่งอักเสบชนิดเฉียบพลัน ด้วยการใช้ต้นแห้งกับโพกงเอ็ง (Taraxacum mongolicom Hand-Mazz) อย่างละ 60 กรัม หรือใช้ต้นสดที่เพิ่มปริมาณอีกเท่าตัว ต้มกับน้ำ 2 ครั้ง แล้วต้มจนเหลือน้ำ 200 ซี.ซี. ให้กินตอนเช้าและกลางวันครั้งละ 100 ซี.ซี. จากการรักษาคนไข้จำนวน 31 ราย พบว่ารักษาหายจำนวน 30 ราย ส่วนอีก 1 รายที่ไม่ได้ผลและต้องใช้การผ่าตัดช่วย โดยส่วนมากจะหายภายใน 3-8 วัน อาการไข้และจำนวนเม็ดเลือดขาวเป็นปกติ อาการปวดท้องและปวดเจ็บเมื่อกระโดดแรง ๆ ความตึงแน่นของบริเวณหน้าท้องและอาการเมื่อกดแล้วเจ็บก็หายไปด้วย หรืออีกวิธีให้เอาต้นตำให้แหลก เอาผ้าพันแผลห่อคั้นเอาน้ำออกมาประมาณ 30 ซี.ซี. ใส่น้ำตาลทรายผสมกับน้ำสุกจนครบ 100 ซี.ซี. แล้วกินให้หมดวันละ 3 ครั้งก็ได้เช่นกัน จา

แบรนด์:
เมล็ดพันธุ์ดีเกษตรวิถีไทย

ราคา100กิ่งปักชำละ 100.00 บาท ติดต่อ อังศรา ไพฑูรย์ โทร. 0876069955 0876069955 ไอดีไลน์ @043efhjv

ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 7 ปี 7 เดือน

โทรศัพท์ แอดไลน์