สวน นายกระจอก | เขาค้อ เพชรบูรณ์
#วิธีกินว่านชักมดลูก
สามารถทำได้ด้วยการนำหัวว่านมาปลอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาดให้สะอาด จากนั้นนำมาต้มน้ำดื่ม หรือนำหัวว่านชักมดลูกไปฝนให้ละเอียด ผสมดองเข้ากับสุราใช้ดื่มเพื่อแก้ปวดมดลูก
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการทานว่านชักมดลูกแบบอื่นๆ เช่น การนำว่านชักมดลูกมาตำให้ละเอียดเป็นผง จากนั้นนำไปผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั่นให้กลายเป็นยาลูกกลอน หรือนำผงของว่านที่ผสมกับน้ำผึ้งไปชงดื่มกับน้ำร้อนก่อนอาหาร 3 มื้อ
#ตำรับยาว่านชักมดลูก
1. ยาคลอดลูกง่าย
นำว่านชักมดลูกฝานเป็นแว่น (4-5 แว่น) แช่น้ำอาบ จะทำให้คลอดลูกง่าย
2. ยาทำให้มดลูกเข้าอู่
นำว่านชักมดลูกมาฝาน 3 ฝาน 7 ฝาน แล้วแต่ละหัว น้ำประมาณลิตรครึ่ง ต้ม 3 เอา 1 กินครั้งละ แก้ว วันละ 3 ครั้ง ดื่มไปจนกว่าไม่เจ็บปวด ท้องแฟบ หลังคลอด ควรกินหลังจากที่มีน้ำนมแล้ว
3. ยาแก้ปวดมดลูก ปวดท้อง แน่นท้อง ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ทำงานหนักไม่ได้ ว่านชักมดลูก ฝาน 3 แว่น ต้มดื่มเฉพาะเวลาปวด
4. แก้ปวดมดลูก ช่วยให้มดลูกเข้าอู่
นำหัวว่านชักมดลูกมาฝนกับเหล้าดื่ม หรือใช้ปรุงยาต้ม แก้มดลูกพิการปวดบวม ทำให้มดลูกรัดตัวเล็กลง เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ สำหรับสตรีที่คลอดบุตรใหม่
5. ยาสตรีปวดมดลูก
นำพริกไทยล่อน 7 เม็ด ดีปลี 7 เม็ด กระเทียม 7 กลีบ ขิง 7 ชิ้น ไพลสด 7 แว่น ว่านชักมดลูก 7 แว่น เอาตัวยารวมกันตำให้ละเอียด นำไปต้ม ดื่มเช้า-เย็น ประมาณ 3 วัน
6. แก้อาการมดลูกพิการ หรือแก้มุตกิตระดูขาว
ให้นำหัวว่านชักมดลูกไปฝานเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำไปปิ้งหรือย่างไฟให้แห้ง แล้วนำมาดองกับเหล้าสกัดสักสองสามวัน ดื่มวันละสองเวลาก่อนอาหาร จะช่วยบำบัดอาการทั้งหลายเหล่านั้น หรือหากแท้งลูกใหม่ๆ ก็ให้รับประทานว่านชักมดลูกนี้กับเหล้า หรือน้ำปูนใส
ยาแก้มดลูกหย่อน
นำข่าหด 2 นิ้วมือ ว่านชักมดลูก 1 ฝาน ต้มดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า-เย็น หรือใช้ข่าหด 1-20 กีบ ว่านชักมดลูก 1 ฝาน ตะไคร้ต้น 1-2 กีบ ข่าธรรมดา (แก่) 2-3 ท่อน ต้มเข้าด้วยกัน ดื่ม เช้า-เย็น
7. ยารักษาอาการตกขาว
นำกิ่งและใบของกระบือเจ็ดตัว 1-2 กำมือ และว่านชักมดลูก 5-7 แว่น ใส่น้ำให้ท่วมยา ต้มเดือดประมาณ 15 นาที ดื่มครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา ก่อนอาหาร
8. ยาแก้ปวดประจำเดือน
นำโกฐหัวบัว ว่านชักมดลูก ใช้ฝนกับน้ำพอกินหมด ฝนนาน 2 นาที จนได้น้ำยาสีขาวขุ่น กลิ่นหอม รสขม รับประทาน 1-2 ครั้ง
9. ยาแก้เจ็บขา ปวดขา
ฝานว่านชักมดลูก 7 แว่น ย่างไฟจนกรอบ ดองเหล้า 3 คืน กินเช้าก๊ง แลงก๊ง (ค่อยๆ กิน)
10. หัวตำดองด้วยสุรารับประทานครั้งละไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ สำหรับคนคลอดบุตรใหม่ ๆ แก้เจ็บปวดมดลูก ทำให้มดลูกเข้าอู่หรือเข้าที่ ไม่อักเสบ
11. ชายที่เป็นไส้เลื่อน หรือกระษัยกล่อนลงฝักปวดเสียวลูกอัณฑะ อัณฑะแข็งเป็นเส้น เจ็บปวด ใช้หัวฝนกับสุราทาบริเวณที่เจ็บปวด เป็นเวลา 3-4 วัน
12. รักษาผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อน กระบังลมเคลื่อน
ให้นำหัวว่านชักมดลูกมาโขลก ผสมกับเหล้าขาว 40 ดีกรี กรองเอาแต่น้ำดื่ม
13. แก้กษัย ปัสสาวะขุ่น เบาแดง เบาเหลือง เบาหวาน
สำหรับท่านชายหากเป็นกษัย ปัสสาวะขุ่นข้อง เบาแดง เบาเหลือง หรือขุ่นข้น เบาหวาน จะแก้ให้หายได้ โดยดื่มน้ำดองหัวว่านเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ
14. โรคลำไส้ ริดสีดวงทวาร
นำหัวว่านสดมารับประทานแก้โรคลำไส้ หรือ ใช้หัวว่านชักมดลูกตำเป็นผงกินกับน้ำร้อน แก้ริดสีดวงทวารชนิดกลีบมะไฟ และเดือยไก่ หรือนำหัวว่านชักมดลูกสด รับประทานแก้โรคริดสีดวงทวารได้ โดยตำให้แหลกผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือจะดื่มกับน้ำร้อนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
——————————————————
#การขยายพันธุ์
สามารถทำได้ด้วยวิธีการใช้หัวหรือเหง้าใต้ดิน ว่านชักมดลูกสามารถเติบโตได้ดีในดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายที่มีความชื้น ทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้ดีเหง้าว่านชักมดลูก
การเตรียมแปลงปลูก
ก่อนปลูกควรทำการไถพรวนดินพร้อมกำจัดวัชพืชแล้วตากดินทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน หลังจากนั้นอีกประมาณ 2-3 วัน ให้ทำการหว่านปุ๋ยคอก ขี้เถ้า แกลบ ในอัตราไร่ละ 1-3 ตัน ไถกลบและกำจัดวัชพืชอีกครั้ง
วิธีปลูก
ควรปลูกในช่วงก่อนหรือต้นฤดูฝน เพื่อให้สามารถเจริญเติบโตได้ตามฤดูกาลของธรรมชาติ ใช้ระยะห่างระหว่างหลุมและแถวประมาณ 15-20 ซม.
#ประโยชน์
ว่านชักมดลูกเป็นพืชสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับสตรีมากมาย เช่น
เหง้า-ใช้เป็นยาบำรุงสตรีหลังคลอดบุตร แก้ปวดมดลูก แก้อาการมดลูกอักเสบ แก้อาการประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ลดอาการปวดประจำเดือน ใช้รักษาโรคตับ แก้อาการปวดตามข้อ อาการอาหารไม่ย่อย แก้ไข้ มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ ยับยั้งเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโปลิโอ ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก แก้อาการของโรคริดสีดวง ไส้เลื่อน รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ลดอาการบวมและอักเสบของแผล ช่วยสร้างและซ่อมแซมแซลที่สึกหรอ ลดคอเลสเตอรอล ต้านอนุมูลอิสระ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายกระชับ ขาวนวลไร้รอยเหี่ยวย่น ลดอารมณ์ฉุนเฉียวที่เกิดจากฮอร์โมน ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดี ช่วยดับกลิ่นปากและกลิ่นตัว ลดอาการตกขาว การเจ็บและปวดเสียวท้องน้อยในสตรี หรือจะนำมาสกัดเป็นแป้งใช้ทำขนมพุดดิ้ง ทำเป็นโจ๊ก หรือหั่นเป็นชิ้นนำไปต้มใส่น้ำตาลเป็นเครื่องดื่ม หรือใช้เป็นสีย้อมผ้าก็ได้
เหง้าอ่อน ลำต้นอ่อน ช่อดอกอ่อน-ใช้รับประทานเป็นผักสดได้
สนใจติดต่อ : 08-9206-6080, 08-5158-5953
line : tahandaonz และ 0851585953
facebook : www.facebook.com/kaempferia
ราคากิโลกรัมละ 250.00 บาท ติดต่อ ราเมศ ฤทธิ์เนติกุล โทร. 0892066080 0892066080
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 5 เดือน
สวน นายกระจอก | เขาค้อ เพชรบูรณ์
กระชายดำอบแห้ง ส่งออกญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย
08-9206-6080
กระชายดำอบแห้ง กระชายดำสด พันธุ์กระชายดำ จากชาวเขาเผ่าม้งในเขตอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ (ต๊ะ-สวนนายกระจอก)
กระชายดํา
กระชายดำ: (โสมไทย, โสมกระชายดำ) ชื่อสามัญ Black Galingale
กระชายดํา: มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ K. rubromarginata (S.Q. Tong) R.J. Searle และ Stahlianthus rubromarginatus S.Q. Tongl.) จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
สมุนไพรกระชายดำ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขิงทราย (มหาสารคาม), กะแอน ระแอน ว่านกั้นบัง ว่านกำบัง ว่านกำบังภัย ว่านจังงัง ว่านพญานกยูง (ภาคเหนือ) เป็นต้น
ลักษณะของกระชายดำ
ต้นกระชายดำ มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย สุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน และในประเทศไทย และมีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วไปในเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ อินเดีย และพม่า สำหรับประเทศไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากในจังหวัดเลย ตากกาญจนบุรี และจังหวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือ โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม เป็นปุ่มปมเรียงต่อกัน และมักมีขนาดเท่า ๆ กัน มีหลายเหง้าและอวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้ม และอาจพบรอยที่ผิวเหง้าเป็นบริเวณที่จะงอกของต้นใหม่ ส่วนเนื้อภายในของเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนถึงสีม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีรสชาติขมเล็กน้อย โดยกระชายดําที่ดีนั้นจะต้องมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ กระชายดำเป็นพืชที่ชอบที่ร่ม ดินร่วนซุยหรือเป็นดินปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี ชอบอากาศหนาวเย็น และขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแบ่งเหง้า สามารถขยายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าต้องการให้หัวหรือเหง้ามีคุณภาพต้องปลูกและเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล คือปลูกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม
ใบกระชายดำ
มีใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างประมาณ 5-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบหยักตามเส้นใบ ผิว ใบเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบหุ้มลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ส่วนกลางก้านเป็นร่องลึก
ดอกกระชายดำ
ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวประมาณ 5-6 เซนติเมตร กลีบดอกที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวประมาณ 3-3.2 เซนติเมตร ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาน มีความกว้างประมาณ 3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 10-13 มิลลิเมตร ส่วนกลีบปากมีสีม่วง
สรรพคุณของกระชายดำ
1.จากการค้นคว้าเอกสารงานวิจัยพบว่า สมุนไพรไทยกระชายดำนั้นมีสรรพคุณมากมาย และสามารถช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้เกือบ 100 ชนิด
2.ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยชะลอความแก่ มีคุณค่าทางคงกระพันชาตรี ด้วยการใช้เหง้านำมาหั่นเป็นแว่น แล้วนำไป
ตากแดดจนแห้ง นำมาบดให้เป็นผงละเอียดผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอน ใช้กินเช้าเย็น
3.ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ด้วยการใช้เหง้าผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นเป็นยาดองเหล้า (เหง้า)
4.ว่านกระชายดำ สรรพคุณช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (เหง้า)
5.ช่วยบำรุงผิวพรรณของสตรีให้สวยสดใส ดูผุดผ่อง (เหง้า)
6.ช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย หากสุภาพสตรีทานแล้วจะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ (เหง้า)
7.ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ บำรุงสมรรถภาพทางเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้าสดนำมาดองกับเหล้าขาวและน้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กิโลกรัม : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งไว้ประมาณ 9-15 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มวันละ 1-2 เป๊ก (เหง้า) (กระชายดําไม่ได้เป็นยาปลุกอารมณ์ทางเพศ แต่ช่วยทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ง่ายและบ่อยขึ้น มีระยะเวลาในการแข็งตัวที่นานขึ้น และสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาดังกล่าวก็สามารถรับประทานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงขึ้นได้)
8.ช่วยกระตุ้นระบบประสาท บำรุงประสาท ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย (เหง้า)
9.ช่วยในการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในตอนกลางคืน ช่วยทำให้นอนหลับดีขึ้น (เหง้า)
10.ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจ แก้โรคหัวใจ (เหง้า)
11.ช่วยบำรุงโลหิตของสตรี (เหง้า)
12.ช่วยในระบบหมุนโลหิตของร่างกาย ทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น (เหง้า)
13.ช่วยทำให้เจริญอาหาร (เหง้า)
14.ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต รักษาสมดุลของความดันโลหิต (เหง้า)
15.ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด (เหง้า)
16.ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ (เหง้า)
17.ช่วยแก้หอบหืด (เหง้า)
18.ช่วยแก้อาการใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียน (เหง้า)
19.เหง้าใช้ต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยรักษาสายตา (เหง้า)
20.ช่วยรักษาแผลในช่องปาก ปากเป็นแผล ปากเปื่อย ปากแห้ง (เหง้า)
21.ช่วยแก้โรคตานซางในเด็ก แก้ซางตานขโมยในเด็ก (เหง้า)
22.ช่วยแก้อาการแน่นหน้าอก (เหง้า)
23.ช่วยรักษาโรคในช่องท้อง มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ (เหง้า)
24.ช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียด (เหง้า)
25.ช่วยแก้อาการปวดท้อง ปวดมวนในท้อง อาการท้องเดิน (เหง้า) หากมีอาการท้องเดินให้ใช้เหง้านำมาปิ้งไฟให้สุกแล้วนำมาตำให้ละเอียดใช้ผสมกับน้ำปูนใสแล้วคั้นเอาแต่น้ำมาดื่มครั้งละ 3-5 ช้อนแกงหลังจากการถ่ายเนื่องมีอาการท้องเดิน (เหง้า)
26.ช่วยรักษาโรคท้องร่วง (เหง้า)
27.ช่วยในการย่อยอาการ รักษาระบบการย่อยอาหารให้เกิดความสมดุล (เหง้า)
28.กระชายดำ สรรพคุณแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ (เหง้า)
29.ช่วยรักษาโรคบิด แก้อาการบิดเป็นมูกเลือด (เหง้า)
30.สรรพคุณกระชายดำ ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร อันเนื่องมาจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา (เหง้า)
31.ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา แก้ปัสสาวะพิการ (เหง้า)
32.ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี (เหง้า)
33.ช่วยขับประจำเดือน แก้อาการประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี (เหง้า)
34.เหง้าใช้โขลกผสมกับเหล้าขาวคั้นเป็นน้ำดื่ม ช่วยแก้โรคมดลูกพิการ มดลูกหย่อนได้ (เหง้า)
35.ช่วยแก้ฝีอักเสบ (เหง้า)
36.ช่วยรักษากลากเกลื้อน (เหง้า)
37.ช่วยแก้อาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการเหนื่อยล้า (เหง้า)
38.ช่วยรักษาโรคปวดข้อ (เหง้า)
39.ช่วยรักษาโรคเก๊าท์ (เหง้า)
40.ช่วยแก้อาการเหน็บชา (เหง้า)
41.กระชายดำ สรรพคุณทางยาช่วยขับพิษต่าง ๆ ในร่างกาย (เหง้า)
42.ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น (เหง้า)
43.กระชายดำมีฤทธิ์ในการช่วยรักษาเชื้อราที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคผิวหนัง (เหง้า)
44.เหง้าใช้ต้มกับน้ำให้ตรีหลังคลอดบุตรดื่ม จะช่วยขับน้ำนม รักษาอาการตกเลือด และช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น (เหง้า)
วิธีใช้กระชายดํา
สำหรับวิธีการใช้กระชายดำ เพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้โรคบิด และลมป่วงทุกชนิดถ้าเป็นเหง้าสด ให้ใช้ประมาณ 4-5 นำมาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนนำมารับประทานเป็นอาหารเย็น ในปริมาณ 30 cc. หรือจะฝานเป็นแว่นบาง ๆ แช่กับน้ำดื่ม หรือนำมาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1 หากเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอนหากเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้อน 1 แก้ว (ขนาด 120 cc.) และแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความต้องการ แล้วนำมาดื่ม
ข้อควรระวังในการใช้กระชายดำ
ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก และในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ
ผลข้างเคียงของกระชายดำ การรับประทานในขนาดสูง อาจทำให้เกิดอาการใจสั่นได้
การรับประทานเหง้ากระชายดำติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เหงือกร่น
กระชายดำสามารถรับประทานได้ทั้งหญิงและชายโดยไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ ยิ่งสำหรับผู้สูงอายุก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว แม้จะมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองที่ระบุว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผลของการใช้กระชายดำในคน จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อความปลอดภัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก...
http://frynn.com/
รายละเอียดการส่งสินค้า:
จัดส่งทางไปรษณีย์ 3-5 กิโลกรัม (จัดส่งให้ในกรณีสั่งของ 1000 กิโลกรัมขึ้นไป ไม่รวมค่าน้ำมัน)
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.khaokhothailand.com/krachaidam.html
Line ID : tahandaonz
e-mail : [email protected]
https://www.facebook.com/kaempferia
โทร: 08-9206-6080 (นายกระจอก)
ราคากิโลกรัมละ 150.00 บาท ติดต่อ ราเมศ ฤทธิ์เนติกุล โทร. 0892066080 0892066080
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 5 เดือน