สวนมีสุข | โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด
เหตุผล ทำไมต้องเลือกต้นพันธุ์ดอกขจรสวนมีสุข
เพราะเราสวนมีสุข
1. เป็นสวนที่เกี่ยวกับดอกขจรโดยตรง และมีประสบการณ์ในการปลูกดอกขจรมาเกือบ 10 ปี ทำให้รู้ปัญหาและวิธีการปลูกดอกขจรที่เหมาะสม สามารถให้คำแนะนำกับผู้ซื้อได้อย่างหมดข้อสงสัย ดอกขจรที่ได้มีดอกที่ใหญ่และดอกดก
2. มีการปรับปรุงสายพันธุ์ดอกขจรทุกปี ทำให้ได้ดอกขจรที่ดอกใหญ่และดกมากขึ้น โดยเราจะเลือกกิ่งพันธุ์ที่ดอกดกและปลอดโรคในการเป็นกิ่งพันธุ์ จึงมั่นใจได้ว่าสวนของเรารับผิดชอบต่อดอกขจรทุกต้น
3. รับประกันต้นพันธุ์ทุกต้นเป็นระยะเวลา 1 เดือน ถ้าท่านปฏิบัติตามคำแนะทางสวนแล้วแต่ต้นพันธุ์ยังตาย ทางเราจะส่งต้นพันธุ์ให้ฟรีไม่คิดมูลค่าใด ๆ ทั้งสิ้น
4. ต้นพันธุ์ทุกต้นปลอดภัยจากโรคใบหงิก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผลผลิตดอกขจรลดลง
5. สวนมีสุข จะเน้นการใช้เกษตรอินทรีย์เป็นหลัก จึงมั่นใจว่าปลอดภัยจากสารเคมีทุกรูปแบบ
6. บริการจัดส่งทั่วประเทศ ส่งไปรษณีย์แบบ EMS ประมาณ 1 – 2 วันถึง ท่านจึงมั่นใจว่าต้นพันธุ์จะปลอดภัย
7. บริการรับซื้อดอกขจรคืนในราคา กิโลกรัมละ 80 – 90 บาท โดยท่านต้องซื้อต้นพันธุ์จากสวนมีสุขเท่านั้น
8. ทางสวนมีสุข ยินดีให้คำปรึกษาแก่เกษตรที่ปลูกดอกขจรทุกท่าน และเป็นแหล่งดูงานของเกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป
ที่มา สวนมีสุข
www.suanmeesuk.com
โทร 084-4101248
ขอสงวนลิขสิทธิ์เกี่ยวกับรูปภาพ ถ้าท่านต้องการรูปภาพไปใช้ประโยชน์หรือไปอ้างอิง กรุณาติดต่อ 080-7611837
ราคา 25.00 บาท ติดต่อ แม่คำตา โทร. 0844101248 0844101248
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 7 เดือน
สวนมีสุข | โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด
ชนิดของพันธุ์ดอกขจร
ขจรที่อยู่ในประเทศไทย มีด้วยกัน 2 ชนิด กล่าวคือ ขจรพันธุ์พื้นเมืองและขจรพันธุ์ดอก ซึ่งขจรพันธุ์ดอกได้มาจากการปรับปรุงสายพันธุ์ขจรพันธุ์พื้นเมือง ทำให้ได้ขจรที่มีดอกที่ใหญ่และดกมากขึ้น ลักษณะของขจรพันธุ์พื้นเมืองมีลักษณะดังนี้ คือ
1. ขจรพันธุ์พื้นเมืองจะมีลักษณะลำต้นและใบที่เล็กกว่าขจรพันธุ์ดอก
2. ลักษณะดอกจะจับกันเป็นช่อเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 – 5 ช่อ
3. ขจรพันธุ์พื้นเมืองจะมีผล ซึ่งเกิดขึ้นจากดอกผสมพันธุ์กันทำให้เกิดผลขึ้นตามกิ่งค่อนข้างเยอะมาก ฉนั้นการขยายพันธุ์จึงสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งเมล็ดและเถา
มาดูข้อแตกต่างของขจรพันธุ์พื้นเมืองกันบ้าง
1. ขจรพันธุ์ดอกจะมีลักษณะใบและลำต้นที่ค่อนข้างใหญ่
2. ดอกจะลักษณะที่ใหญ่และดกกว่าขจรพันธุ์พื้นเมืองค่อนข้างมาก
3. ขจรพันธุ์ดอกจะไม่มีผล หรือ ถ้ามีจะมีน้อยมาก ทีสวนใน 1 ไร่จะเจอผลที่เกิดประมาณ 3 – 5 ผล
สนใจดูภาพประกอบได้ในเวบ
ที่มา สวนมีสุข www.suanmeesuk.com โทร 084-4101248
ราคา 25.00 บาท ติดต่อ แม่คำตา โทร. 0844101248 0844101248
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 7 เดือน
สวนมีสุข | โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด
การเพาะชำ ดอกขจร
เถาดอกขจรที่เหมาะแก่การนำมาปลูก ควรจะมีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป เพราะจะทำให้ต้นดอกขจรที่แข็งแรงและออกรากที่ดีขึ้น และช่วงที่เหมาะแก่การนำดอกขจรมาปลูกควรเป็นช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เพราะช่วงนี้ดอกขจรจะงดการออกดอกหรือออกดอกน้อยมาก วิธีการตัดเถาของดอกขจรควรตัดเป็นสองท่อน ดังภาพการตัดเถาดอกขจร เสร็จแล้วนำเถาว์ของดอกขจรที่ตัดแล้วมาแช่น้ำยาเร่งราก
เสร็จแล้วนำเถาดอกขจรที่แช่น้ำยาเร่งรากแล้วมาปักในถุง โดยใน 1 ถุงจะปักชำเถาดอกขจรจำนวนประมาณ 4 ต้น เพื่อปัองกันการไม่ติดของบางเถาดอกขจรด้วย (ตามภาพ)
นำต้นกล้าดอกขจรมาตากไว้ในร่มรำไร มีแสงผ่านเข้ามาได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็น ประมาณ 3 สัปดาห์ต้นกล้าก็จะมีใบและพร้อมที่จะนำลงหลุมเพื่อปลูกต่อไป
โดย สวนมีสุข www.suanmeesuk.com โทร 084-4101248
สนใจดูภาพประกอบได้ในเวบ
ราคา 25.00 บาท ติดต่อ แม่คำตา โทร. 0844101248 0844101248
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 7 เดือน
สวนมีสุข | โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด
การเตรียมพื้นที่ปลูกดอกขจร
สำหรับการเตรียมพื้นที่ปลูกดอกขจรนั้น ควรตรวจสภาพดินก่อนว่ามีความเหมาะสมสำหรับการปลูกหรือไม่ หรือถ้าไม่สามารถตรวจคุณภาพดินก็ควรจะวัดการเป็นกรดหรือด่างก็เพียงพอแล้ว ดอกขจรจะชอบความเป็นกรดของดินเล็กน้อย การเตรียมดินจะใช้การไถจำนวน 2 ครั้ง แต่ละครั้งตากแดดไว้ประมาณ 1 อาทิตย์เพื่อฆ่าเชื้อโรคไปด้วย อาจจะมีการหว่านปูนขาวเพื่อปรับสภาพดินด้วยก็ได้
ขุดหลุมระยะห่างกัน 2 คูณ 2 เมตร เพราะฉนั้นใน 1 ไร่ จะปลูกดอกขจรได้จำนวน 400 ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหลุมละครึ่งกิโลกรัม พรวนดินผสมกันกับปุ๋ยให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วนำต้นดอกขจรมาลงหลุมแล้วนำฟางมาคลุมไว้ เพื่อรักษาความชื้นให้กับต้นขจรและป้องกันหญ้าขึ้นได้อีกด้วย
สนใจดูภาพประกอบได้ในเวบ
ที่มา สวนมีสุข www.suanmeesuk.com โทร 084-4101248
ราคา 25.00 บาท ติดต่อ แม่คำตา โทร. 0844101248 0844101248
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 7 เดือน
สวนมีสุข | โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด
การปลูกดอกขจร
หลายคนอาจจะรู้จักดอกสลิด หรือดอกขจร เพราะหลายพื้นที่นิยมนำมาทำอาหารบริโภคทั้งแบบสดและลวกให้สุก และหลายครัวเรือนก็ทราบดีว่าดอกขจรนั้นมีสรรพคุณทางยาด้วย อาทิ ยอดอ่อน ดอก ลูกอ่อน บำรุงธาตุ บำรุงตับ ปอด แก้เสมหะเป็นพิษ รากทำให้อาเจียนถอนพิษเบื่อเมา ทำให้ปัจจุบันดอกขจรกลายเป็นสินค้าที่มีราคา บางช่วงอาจถึงกิโลกรัมละ 200 บาท
ดอกขจรมักพบขึ้นอยู่ในป่าธรรมชาติที่เป็นป่าดิบแล้งและป่าละเมาะทั่วไป เพราะขึ้นง่ายในดินทุกชนิด มีนิสัยชอบแดด เลื้อยไปตามต้นไม้ใหญ่ ส่วนวิธีการปลูกที่ชาวบ้านนิยมกันก็คือการชำกิ่ง โดยเตรียมดินเพาะชำเป็นแกลบเผา 2 ส่วน ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าในเข้ากัน ใส่ถุงแล้วนำกิ่งที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไปมี 2-3 ข้อ เอาด้านโคนชุบน้ำยากันเชื้อราแล้วปักลงไปถุง รดน้ำให้ชุ่มพักในที่ร่ม เมื่อแตกตากิ่งหรือตายอดยาว 1 คืบ ก็ย้ายไปปลูกในแปลง
อีกวิธีก็คือการตอน ใช้ขุยมะพร้าวแช่น้ำไว้ 1 คืน ใส่ถุงพลาสติกมัดหนังยางไว้เพื่อเป็นถุงตอนหลายๆ ถุง เวลาตอนให้กรีดถุงด้านหนึ่งแล้วนำไปหุ้มตรงข้อของเถาขจร มัดให้แน่น ให้ตอนข้อเว้นสองข้อ ประมาณย 20 วันก็ออกราก
ส่วนการเตรียมดินเพื่อปลูก เริ่มจากไถพรวนแล้วย่อยให้ละเอียด ยกร่องแปลงกว้าง 6-4 เมตร ยาวไม่จำกัด ระยะห่างระหว่างแปลง 80 ซม. ใช้ระยะปลูก 22 เมตร 1 แปลงปลูกได้ 2 แถว แล้วทำซุ้มเข้าหากัน ขุดหลุมลึก 30-50 ซม. ถ้าดินไม่ดีให้ขุดหลุมใหญ่ใส่ปุ๋ยคอกลงไปให้มาก ดินดีใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หลุมละ 1 ช้อนแกง นำกิ่งชำหรือกิ่งตอนที่มีรากแข็งแรงลงปลูก เกลี่ยดินกลบโคนให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม ใน 1 หลุมปลูก 3-4 กิ่ง จะทำให้เจริญเติบโตแผ่กระจาย และยอดจะเลื้อยขึ้นค้างได้อย่างพอเหมาะ รดน้ำวันละครั้ง หรือตามสภาพความชื้นของดิน หลังจากนั้น 1 เดือนขึ้นไปจะเริ่มออกดอก ตัดเถาที่ไม่สมบูรณ์หรือแมลงรบกวนทิ้ง ดูแลอย่าให้แน่นหรือทึบเกินไป
การทำค้างก็ใช้ไม้ไผ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-6 นิ้ว ทำเป็นเสาหลัก 2 เสา ปักห่างกัน 2 เมตร สูงจากพื้นดิน 1.50 เมตร ปักตามแนวยาวของแปลง และระหว่างเสาหลักจะใช้ไม้ไผ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 นิ้ว ปักแล้วใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกผูกเป็นขั้นบันได 5-6 ขั้น ให้เป็นทางสำหรับยอดขจรเลื้อยขึ้นไป จะเป็น 1 ซุ้มเว้นทางเดินประมาณ 80 ซม. แล้วทำซุ้มต่อไปตามความต้องการก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้การแตกยอดดี
สำหรับการให้ปุ๋ยนั้นควรให้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักใส่ที่โคนต้นได้เรื่อยๆ ส่วนปุ๋ยเคมีใช้สูตร 15-15-15 สลับกับ 25-7-7 เดือนละ 2 ครั้ง และหลังการตัดแต่งกิ่ง ซึ่งถ้าดูแลดีดอกก็จะดกและโตมากกว่าปกติ ที่สำคัญต้องตัดแต่งกิ่งที่แก่ออกอยู่เสมอ เพื่อให้แตกยอดใหม่ออกมาเรื่อยๆ ส่วนมากจะตัดแต่งกิ่งช่วยเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพราะช่วงนี้จะออกดอกน้อย จะตัดอย่างหนักเอาไว้เฉพาะส่วนที่ลำต้นตั้งตรงขึ้นไป และต้องแบ่งแปลงไว้เพื่อให้มีแปลงที่เก็บดอกได้ เพราะช่วงนี้จะขายได้ราคาดี หลังตัดแต่งกิ่ง 2-3 สัปดาห์ก็จะแตกยอดใหม่มีดอกให้เก็บได้เรื่อยๆ หลายปี และยืดอายุต้นขจรได้อีกนาน การตัดนั้นให้ตัดสูงจากพื้นดิน 25 ซม. แต่ละหลุมไม่ควรตัดหมด ให้เหลือไว้ต้นละ 1 หลุม จากนั้นก็รดน้ำให้ปุ๋ยตามปกติ 3-4 เดือน ก็ให้ดอกอีกมาก
ต้นขจรจะให้ดอกหลังจากย้ายปลูกได้ 30 วัน และจะให้ผลผลิตมากที่สุดช่วงอายุ 8-10 เดือน โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. ผลผลิตจะเริ่มลดลงในเดือน พ.ย.-ธ.ค. เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว เมื่อเก็บช่อดอกแล้วนำไปล้างน้ำ 2 ครั้ง ก่อนคัดแยกดอกบานไว้ต่างหาก ดอกตูมจะขายได้ราคากว่าดอกบาน โดยบรรจุถุงละ 1 กก. เพื่อจำหน่ายต่อไป.
ที่มา http://www.thaipost.net/node/53828
สนใจดูภาพประกอบได้ในเวบ
www.suanmeesuk.com สวนมีสุข โทร 084-4101248
ราคา 25.00 บาท ติดต่อ แม่คำตา โทร. 0844101248 0844101248
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 7 เดือน