กิ่งพันธุ์มะม่วง

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
กิ่งพันธุ์มะม่วงแก้วขมิ้น มี 2 แบบ เสียบยอดต้นละ 150 บาท กิ่งทาบ 350 บาท เป็นมะม่วงอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่น่าปลูก เนื้อสีเหลืองเข้ม เมื่อแก่จัดจะมีรสมันอมเปรี้ยวเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทานมะม่วงกับพริกเกลือ เป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันผลผลิตมีขายอยู่ทั่วไปตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ชิมส่วนใหญ่แม่ค้าจะเรียกว่ามะม่วงแก้วขเมร แต่ด้วยสีเนื้อที่เหมือนกับสีของขมิ้น มะม่วงพันธุ์นี้จึงมีชื่อเรียกว่าแก้วขมิ้น สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 089-1758253 และ 089-9993006 ครับ
บทความจากทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
มะม่วงแก้วขมิ้น เป็นไม้ยืนต้นสูง 10-15 เมตร ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับรอบกิ่งก้านหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบเป็นรูปรี ปลายแหลม โคนมน เนื้อใบค่อนข้างหนา เวลาใบดกจะให้ร่มเงาดีมาก ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมากเป็นสีเหลืองนวล ดอกมีกลิ่นหอม “ผล” รูปกลมรี ขนาดผลใหญ่ และมีความแตกต่างจากผลของมะม่วงแก้วของไทยอย่างชัดเจน ผลโตเต็มที่น้ำหนักเฉลี่ย 2-3 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม (บางผลหนักถึง 500 กรัม) เมล็ดลีบบาง มีเนื้อเยอะ รสชาติอร่อยทั้งดิบและสุกตามที่กล่าวข้างต้น ขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่ง
ความจริงแล้วมะม่วงชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกัมพูชา ช่วงที่มีการนำผลผลิตมาขายในบ้านเราใหม่ ๆ เรียกมะม่วงแก้วเขมร ปัจจุบันนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว มีความพิเศษคือ เป็นมะม่วงปลูกรับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ผลมีขนาดใหญ่กว่ามะม่วงแก้วของไทยอย่างชัดเจน เป็นมะม่วงติดผลดกได้ปีละ 2 ครั้ง เนื้อผลแก่จัดหรือสุกเมื่อผ่าจะเป็นสีเหลืองเข้มคล้ายสีของขมิ้น จึงถูกตั้งชื่อว่า “มะม่วงแก้วขมิ้น” รสชาติช่วงผลดิบฝานเป็นชิ้น ๆ จิ้มเกลือพริกป่น หรือกินกับน้ำปลาหวานกรอบมันปนเปรี้ยวและหวานเล็กน้อย ฉ่ำน้ำ เนื้อไม่แข็งหยาบกระด้าง หรือเหนียวเหมือนมะม่วงกินผลดิบบางสายพันธุ์ พ่อค้าขายผลไม้รถเข็นปัจจุบันนิยมเอา “มะม่วงแก้วขมิ้น” ปอกและเฉาะขายผลละ 20-50 บาท ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อรับประทานอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ส่วนใหญ่จะมีแหล่งปลูกเก็บผลส่งเข้าจำหน่ายที่ตลาดไทแบบต่อเนื่องไม่ขาดระยะ เพราะติดผลปีละ 2 ครั้งนั่นเอง เมื่อผลสุก เนื้อสุก ไม่เละ รสชาติหวานหอมไม่มีเสี้ยนอร่อยมาก รสชาติหวานกว่ามะม่วงแก้วสุก แต่จะนิยมรับประทานผลดิบมากกว่าผลสุก ปลูกต้นเดียวมีผลให้ผู้ปลูกเก็บรับประทานได้ตลอด แถมเวลาติดผลจะเป็นพวง 3–5 ผลต่อพวงจึงคุ้มค่ามาก
มะม่วงแก้วขมิ้นหรือแก้วเขมรนี้ปัจจุบันจัดเป็นมะม่วงที่เป็นไม้เศรษฐกิจตัวใหม่ของชาวสวนเกษตร ลูกใหญ่รสชาติดี เป็นมะม่วง 3 รส รสชาติคล้ายมะม่วงแก้วแต่เปรี้ยวน้อยกว่าและไม่มีกลิ่นขี้ไต้ น้ำหนักดี 2 ลูกต่อกิโลกรัม ปลูก 2 ปีเริ่มให้ผลผลิตแต่ยังไม่มากนัก หลังจากปลูกแล้ว 5 ปีขึ้นไปผลผลิตจะดกมาก โรงงานทำมะม่วงดอง ทำมะม่วงแช่อิ่ม มีเท่าไหร่รับหมด เพราะรสชาติและน้ำหนักดีเป็นเยี่ยม สำหรับมะม่วงพันธุ์นี้เท่าที่สังเกตจะมีร่องนิด ๆ ที่ใต้ขั้ว ผลดิบรสชาติอร่อยมาก คือไม่เปรี้ยวมาก ลูกดิบที่ไม่ค่อยแก่จะสีไม่เหลือง แต่ลูกแก่จะออกสีเหลืองเหมือนขมิ้น ยิ่งแก่มากยิ่งสีเหลืองมาก ผลสุกก็หวาน มีเสี้ยนนิด ๆ แต่นิยมกินดิบ
จากการที่ได้รับประทานมะม่วงแก้วขมิ้น จัดเป็นมะม่วงกินดิบที่น่าสนใจในการขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากส่งขายในตลาดเพื่อการบริโภคสดได้แล้ว ยังส่งเข้าโรงงานแปรรูปได้อีกด้วย.

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
กิ่งพันธุ์เป็นกิ่งทาบสูงประมาณ 1 เมตร แข็งแรงพร้อมปลูก
สนใจติดต่อ 089-1758253 หรือ 089-9993006 ครับ
ข้อมูลจากนายเกษตร ไทยรัฐออนไลน์ (วันพุธ ที่ 2 ตุลาคม 2556
มะม่วงชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดจาก ประเทศเขมร ถูกนำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์ในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว มีความพิเศษคือ เป็นมะม่วงปลูกรับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ผลมีขนาดใหญ่กว่ามะม่วงแก้วของไทยอย่างชัดเจน เป็นมะม่วงติดผลดกได้ปีละ 2 ครั้ง เนื้อผลแก่จัดหรือสุกเมื่อผ่าจะเป็นสีเหลืองเข้มคล้ายสีของขมิ้น จึงถูกตั้งชื่อว่า “มะม่วงแก้วขมิ้น”
รสชาติ ผลดิบฝานเป็นชิ้นๆจิ้มเกลือพริกป่น หรือกินกับน้ำปลาหวานกรอบมันปนเปรี้ยวและหวานเล็กน้อย ฉ่ำน้ำ เนื้อไม่แข็งหยาบกระด้าง หรือเหนียวเหมือนมะม่วงกินผลดิบบางสายพันธุ์ พ่อค้าขายผลไม้รถเข็นปัจจุบันนิยมเอา “มะม่วงแก้วขมิ้น” ปอกและเฉาะขายผลละ 20 บาท ได้รับความนิยมจากผู้ซื้อรับประทานอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่ จะมีแหล่งปลูกเก็บผลส่งเข้าจำหน่ายที่ตลาดไทแบบต่อเนื่องไม่ขาดระยะ เพราะติดผลปีละ 2 ครั้งนั่นเอง
เนื้อสุก ไม่เละ รสชาติหวานหอมไม่มีเสี้ยนอร่อยมาก แต่จะนิยมรับประ-ทานผลดิบมากกว่าผลสุก ปลูกต้นเดียวมีผลให้ผู้ปลูกเก็บรับประทานได้ตลอด แถมเวลาติดผลจะเป็นพวง 3–5 ผลต่อพวง จึงคุ้มค่ามาก
มะม่วงแก้วขมิ้น เป็นไม้ยืนต้นสูง 10-15 เมตร ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับรอบกิ่งก้านหนาแน่นบริเวณปลายยอด ใบเป็นรูปรี ปลายแหลม โคนมน เนื้อใบค่อนข้างหนา เวลาใบดกจะให้ร่มเงาดีมาก ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก เป็นสีเหลืองนวล ดอกมีกลิ่นหอม “ผล” รูปกลมรี ขนาดผลใหญ่ และแตกต่างจากผลของมะม่วงแก้วของไทยอย่างชัดเจน ผลโตเต็มที่น้ำหนักเฉลี่ย 3 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม เมล็ดลีบบาง ทำให้มีเนื้อเยอะ รสชาติอร่อยทั้งดิบและสุกตามที่กล่าวข้างต้น

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
มะม่วงเขียวใหญ่ เป็นมะม่วงที่ติดผลง่ายโตเร็ว รสชาติคล้ายกับเขียวเสวยจึงเรียกชื่อว่ามะม่วงเขียวใหญ่ สามารถขึ้นได้ในดินทั่วไป ปลูกง่าย ที่สำคัญติดผลง่ายกว่าพันธุ์เขียวเสวยครับ กิ่งพันธุ์ของทางสวนเป็นกิ่งเสียบยอด รับประกันความแข็งแรงครับ ปลูกปีนี้ปีหน้าได้ทานครับ โตเร็ว สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 089-1758253 หรือ 089-9993006 ครับ

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
มะม่วงงาช้างแดงมีชื่อเรียกเดิมว่า หงเซียงหยา เป็นมะม่วงที่นำเข้ามาจากประเทศไต้หวัน มีลักษณะเด่นคือผลใหญ่ ติดผลดก ผลแก่มัน ผลสุกหวาน เป็นมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ที่มีความต้องการของผู้ปลูกและผู้ที่ต้องการสะสมไม้พันธุ์ใหม่ๆ เป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ทางสวนขวัญพันธุ์ไม้ได้เปิดจำหน่ายกิ่งพันธุ์ชุดแรกแล้ว เป็นไม้เสียบยอดมีระบบรากแก้วที่แข็งแรง โตเร็ว ท่านใดสนใจติดต่อ 089-1758253 หรือ 089-9993006 ครับ กิ่งพันธุ์มีจำนวนจำกัดครับ

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
มะม่วงกิมหงส์ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมจาก ประเทศไต้หวัน ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยนานเกือบ 10 ปีแล้ว โดยมีแหล่งปลูกในแถบบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี กทม. เป็นไม้ยืนต้นสูง 10-20 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ๆ หนาแน่นในช่วงปลายกิ่ง ใบเป็นรูปใบหอกแคบ ไม่ กว้างเหมือนใบมะม่วงทั่วไป คล้ายกับใบมะม่วงเขียวเสวย
ดอก ออกเป็นช่อแบบแยกแขนงช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม “ผล” รูปกลมรี มีขนาดใหญ่และยาว มีหลายรูปทรง แต่ ส่วนใหญ่ทรงผลจะคล้ายกับมะม่วงจีนหวงของไต้หวันเหมือนกัน แต่เปลือกของ “มะม่วงกิมหงส์” จะมีความหนากว่าอย่างชัดเจน ผลเมื่อโตเต็มที่มีนํ้าหนักเฉลี่ยระหว่าง 1.5-2 กิโลกรัมต่อผลตามที่กล่าวข้างต้น เวลาติดผลจะเป็นพวง 3-5 ผล ห้อยเป็นระย้าสวยงามมาก
ผลดิบสีเขียว รสชาติเปรี้ยว แต่ไม่ เปรี้ยวจัดนัก ผลแก่หรือห่ามจะหวานปนมัน เนื้อแน่น ไม่แข็ง ไม่มีเสี้ยน กรอบอร่อยมาก ผลสุกเป็นสีเหลือง เนื้อเหนียว ไม่เละ รส ชาติหวานหอมเหมือนกับมะม่วงเขียวเสวย เมล็ดลีบ เนื้อเยอะ สามารถรับประทานกับ ข้าวเหนียวมูนอร่อยไม่แพ้มะม่วงอกร่อง แถม ยังมีเนื้อมากกว่าหลายเท่า ใน 1 ผล สามารถรับประทานให้อิ่มได้ 2 คน ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่ง ติดผลทั้งปี หรือเรียกว่า ทะวาย ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด ซึ่งในช่วงตรุษจีนนี้ ใครต้องการปลูกมะม่วงขอแนะนำว่า ปลูก “มะม่วงกิมหงส์” จะคุ้มค่ามาก สนใจติดต่อ 089-1758253,089-9993006 ครับราคามิตรภาพ

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
มะม่วงพันธุ์กิมหงษ์ เป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 10-20 เมตร มีถิ่นกำเนิดสายพันธุ์จากประเทศไต้หวัน ได้นำมาทดลองปลุกในประเทศไทย 10ปีผ่านมาแล้ว เริ่มทดลองปลูกในแถบบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย ฝั่นธนบุรี กทม. และเรียนชื่อไทยว่ามะม่วงเขียวสามรส ลักษณะผลคล้ายกับมะม่วงเขียวเสวย รสหวานอมเปรี้ยว สามารถกินได้ทั้งผลดิบและผลสุก ดอกออกเป็นช่อแยกแขนงที่ปลายช่อ ลักษณะดอกมีสีเหลืองนวล กลิ่นหอม ผลลักษณะค่อนข้างกลมรี มีขนาดใหญ่และยาวผวเปลือกหนา ผลมีน้ำหนัก 1.5-2 กก. ออกเป็นพวง ๆ ละ 3-5 ลูกห้อยเป็นระย้า ผลดิบรสชาด เปรี้ยวออกมัน เนื้อแน่นกรอบอร่อย ผลสุกมีสีเหลืองเนื้อเหนียวไม่เละ เม็ดลีบเนื้อมาก รสชาดเหมือนกับมะม่วงเขียวเสวยรับประทานกับข้าวเหนียวมูลได้เหมือนกับมะม่วงเขียวเสวย การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง หรือทาบกิ่ง หรือเสียบกิ่ง

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
มะม่วงนวลคำ" หรือชื่อเดิม คือ "จินฮวง" เป็นพันธุ์มะม่วงจากประเทศไต้หวัน โครงการหลวงนำเข้ามาทดลองปลูกครั้งแรกที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ และปรับปรุงพันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ผลโต รสชาติหวานมัน อร่อย
ผลของมะม่วงนวลคำ มีรูปร่างยาว ปลายเรียวแหลม ขนาดของผล (กว้าง x ยาว) 10 x 18 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ย 800 กรัม ต่อผล หากดูแลดีและไว้จนวนผลต่อต้นที่เหมาะสมน้ำหนักอาจจะมากถึง 1,500 กรัม ต่อผล สีผิวผลเมื่อแก่มีสีเขียวอมเหลืองถึงม่วง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความสูงของพื้นที่ปลูก สีเนื้อเมื่อสุกเป็นสีเหลือง เนื้อมาก มีเสี้ยนน้อยถึงไม่มีเสี้ยน เมล็ดลีบสามารถรับประทานได้ทั้งดิบ (แก่จัด) และสุก ผลดิบมีรสชาติมันหวาน เมื่อสุกมีรสหวานอร่อยราคาจำหน่าย ปัจจุบันกิโลกรัมละ 50 บาท
พื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกมะม่วงนวลคำคือ พื้นที่เป็นดินร่วนปนทราย มีระดับความสูงจากน้ำทะเลไม่เกิน 700 เมตร หากปลูกในพื้นที่สูงกว่านี้จะทำให้ผลสุกช้า การปลูกและดูแลรักษาค่อนข้างง่าย เช่นเดียวกับมะม่วงพันธุ์ต่างๆ ทั่วไปที่ปลูกในประเทศไทย วิธีการขยายพันธุ์ใช้การเสียบยอดบนต้นตอมะม่วงแก้วหรือมะม่วงตลับนาก และปลูกในหลุมขนาด 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หลังจากปลูกประมาณ 2 ปี จะเริ่มออกผล หลังจากติดผลประมาณ 50-70 วัน ให้ห่อผลด้วยกระดาษที่เคลือบวัสดุกรองแสงหรือใส่โฟมเน็ตและหุ้มด้วยถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันแมลง ซึ่งจะลดการใช้สารเคมี แต่เนื่องจากในพื้นที่สูงจะมีการระบาดของโรคราค่อนข้างมาก ดังนั้น อาจต้องมีการพ่นยาป้องกันเชื้อราก่อนห่อผล เมื่อผลโตเต็มที่พร้อมเก็บ ใช้เวลาจากดอกบานถึงเก็บประมาณ 120 วัน ปริมาณผลผลิตต่อต้นประมาณ 50-100 กิโลกรัม (ต้นอายุ 5 ปี ทรงพุ่ม 4 เมตร) ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม
ขณะนี้โครงการหลวงได้ขยายพื้นที่ส่งเสริมออกไปยังศูนย์พัฒนาโครงการหลวงต่างๆ เพิ่มขึ้น ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ทาเหนือ กิ่งอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าในปีนี้โครงการหลวงจะมีผลผลิตออกจำหน่ายประมาณ 400 กิโลกรัม
ท่านที่สนใจลิ้มลองรสชาติของมะม่วงนวลคำ สามารถหาซื้อได้ที่ ร้านดอยคำ สาขาต่างๆ ทั้งในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ

สวนขวัญพรรณไม้ | สันทราย เชียงใหม่
มะม่วงนวลคำ" หรือชื่อเดิม คือ "จินฮวง" เป็นพันธุ์มะม่วงจากประเทศไต้หวัน โครงการหลวงนำเข้ามาทดลองปลูกครั้งแรกที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยเสี้ยว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ และปรับปรุงพันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ผลโต รสชาติหวานมัน อร่อย
ผลของมะม่วงนวลคำ มีรูปร่างยาว ปลายเรียวแหลม ขนาดของผล (กว้าง x ยาว) 10 x 18 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ย 800 กรัม ต่อผล หากดูแลดีและไว้จนวนผลต่อต้นที่เหมาะสมน้ำหนักอาจจะมากถึง 1,500 กรัม ต่อผล สีผิวผลเมื่อแก่มีสีเขียวอมเหลืองถึงม่วง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความสูงของพื้นที่ปลูก สีเนื้อเมื่อสุกเป็นสีเหลือง เนื้อมาก มีเสี้ยนน้อยถึงไม่มีเสี้ยน เมล็ดลีบสามารถรับประทานได้ทั้งดิบ (แก่จัด) และสุก ผลดิบมีรสชาติมันหวาน เมื่อสุกมีรสหวานอร่อยราคาจำหน่าย ปัจจุบันกิโลกรัมละ 50 บาท
พื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกมะม่วงนวลคำคือ พื้นที่เป็นดินร่วนปนทราย มีระดับความสูงจากน้ำทะเลไม่เกิน 700 เมตร หากปลูกในพื้นที่สูงกว่านี้จะทำให้ผลสุกช้า การปลูกและดูแลรักษาค่อนข้างง่าย เช่นเดียวกับมะม่วงพันธุ์ต่างๆ ทั่วไปที่ปลูกในประเทศไทย วิธีการขยายพันธุ์ใช้การเสียบยอดบนต้นตอมะม่วงแก้วหรือมะม่วงตลับนาก และปลูกในหลุมขนาด 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หลังจากปลูกประมาณ 2 ปี จะเริ่มออกผล หลังจากติดผลประมาณ 50-70 วัน ให้ห่อผลด้วยกระดาษที่เคลือบวัสดุกรองแสงหรือใส่โฟมเน็ตและหุ้มด้วยถุงพลาสติกอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันแมลง ซึ่งจะลดการใช้สารเคมี แต่เนื่องจากในพื้นที่สูงจะมีการระบาดของโรคราค่อนข้างมาก ดังนั้น อาจต้องมีการพ่นยาป้องกันเชื้อราก่อนห่อผล เมื่อผลโตเต็มที่พร้อมเก็บ ใช้เวลาจากดอกบานถึงเก็บประมาณ 120 วัน ปริมาณผลผลิตต่อต้นประมาณ 50-100 กิโลกรัม (ต้นอายุ 5 ปี ทรงพุ่ม 4 เมตร) ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม
ขณะนี้โครงการหลวงได้ขยายพื้นที่ส่งเสริมออกไปยังศูนย์พัฒนาโครงการหลวงต่างๆ เพิ่มขึ้น ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองเขียว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ทาเหนือ กิ่งอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าในปีนี้โครงการหลวงจะมีผลผลิตออกจำหน่ายประมาณ 400 กิโลกรัม
ท่านที่สนใจลิ้มลองรสชาติของมะม่วงนวลคำ สามารถหาซื้อได้ที่ ร้านดอยคำ สาขาต่างๆ ทั้งในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ