ทรัพย์สำเริง | วังทอง พิษณุโลก
ไผ่เลี้ยงหวาน
ไผ่เลี้ยงหวานจะมีคุณสมบัติต่างจากไผ่ทั่วไป คือ ไม่มีขนให้ระคายผิวเหมือนกับไผ่ชนิดอื่น ๆ ดูแลรักษาง่าย ออกหน่อง่าย การปลูกก็ไม่ยุ่งยาก เป็นไม้ไผ่ที่ไม่มีหนาม อีกทั้งโรคแมลงศัตรูก็มีน้อยมาก ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ้น เนื่องจากไผ่เลี้ยงหวานมีรสชาติ หวาน กรอบการเจริญเติบโตดี โดยเฉพาะในเขตที่มีแหล่งน้ำตลอดปี ในกอไผ่เลี้ยงหวานลำแต่ละลำ จะห่างกัน 15 – 20 เซนติเมตร ทำให้กอไผ่โปร่ง ไม่ทึบลำต้นไม้ไผ่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ที่ระดับความสูงจากพื้นดิน 1 เมตร ขนาด 1 – 2 นิ้ว ลำตรง ไม่มีหนาม กิ่งแขนงน้อย เนื้อแน่น รูตรงกลางลำไผ่เล็กไผ่เลี้ยงหวานสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งหน่ออ่อน ลำไม้ไผ่ก็ใช้ได้หลายอย่าง เช่น ทำแพ กระชัง ไม้ค้ำยันกระท่อม เฟอร์นิเจอร์ปลูก 3 x 3 เมตร ได้ไร่ละ 178 ต้น หลังปลูก 8 เดือนขึ้นไป ก็จะสามารถให้หน่อและเพิ่มจำนวนต้นในแต่ละกอ เพื่อจะได้ปริมาณจำนวนต้นไว้ผลิตหน่อในฤดูต่อไป
เกษตรกรควรปลูกไผ่เลี้ยงหวานช่วงต้นฤดูฝน ใช้ระยะปลูก 3 x 3 เมตร จะได้ 178 กอต่อไร่ ขุดหลุม ขนาด กว้าง ยาว ลึก 30x30x30 เซนติเมตร ก่อนปลูกรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 3 กก.ต่อหลุม การปลูกใช้ส่วนของลำต้น โดยการแยกหน่อ/กอที่มีอายุ 1 – 1.5 ปี ตัดโดยวัดความยาวจากโคน ขึ้นมาประมาณ 50 เซนติเมตร หลังปลูก 8 เดือน จะเริ่มให้หน่อ และเมื่อไผ่เลี้ยงหวานอายุ 2 – 3 ปี จะได้ผลผลิตเต็มที่ การเก็บเกี่ยว เมื่อหน่อไม้ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่ง ก็ตัดได้ ควรตัดหน่อไผ่ในตอนเช้า จะได้หน่อไม้ที่ไม่ขม ไม่ขื่น รสชาติดี ตลาด ผู้บริโภคมีความต้องการสูง ทั้งหน่อไม้สด เพื่อนำไปปรุงอาหาร หน่อไม้อัดปี๊ป หรือหน่อไม้ต้ม ราคากิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนโคนหน่อสามารถนำไปดอง และส่วนของเปลือกหน่อ สามารถนำไปเป็นอาหารเลี้ยงโค หรือแพะได้ด้วย
สำหรับผลตอบแทนต่อไร่ ในพื้นที่ 1 ไร่ เก็บเกี่ยวได้อย่างน้อย วันละ 20-50 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 3-5 บาท ในฤดูฝน แต่ถ้านอกฤดูฝนจะมีราคาซื้อขายที่กิโลกรัมละ 25-30 บาทเลยทีเดียว ปัจจุบันตลาดยังมีความต้องการสูงเนื่องจากยังมีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยโดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน
วงจรการปลูกไผ่เลี้ยงนอกฤดู
เดือนกันยายน-พฤศจิกายน ขยายพันธุ์ไผ่เลี้ยง แทงเหง้ามาชำ จำหน่ายต้นละ 30 บาท
เดือนธันวาคม เริ่มตัดแต่งกิ่งและสางต้นให้กอไผ่โปร่งโล่ง โดยคัดให้มีต้นแม่พันธุ์อายุ 1-2 ปี /2-3 ต้นต่อ 1 กอ ตัดต้นแก่ออก คัดต้นที่สมบูรณ์และไม่ควรให้ต้นแม่พันธุ์อยู่เบียดติดกัน ควรอยู่ห่างพอควรจะทำให้ง่ายต่อการดูแลหน่อและวางระบบการคัดต้นแม่พันธุ์รุ่นต่อไป
เดือนมกราคม ใส่ปุ๋ยคอกปีละ1ครั้งสลับปีเว้นปีกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 และให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เช้า-เย็น เพื่อจะทำหน่อไม้นอกฤดู ประมาณ 1 เดือนจะได้หน่อไม้พร้อมเก็บเกี่ยว
เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม เก็บหน่อไม้นอกฤดูส่งขายตลาด ได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน
การขขายกิ่งพันธุ์ไผ่เลี้ยง
ไผ่เลี้ยงขยายพันธุ์โดยการใช้เหง้าเพียงอย่างเดียว จะใช้วิธีการตอนหรือปักชำไม่ได้ สังเกตได้ว่าเมื่อเราตัดหน่อไปกินแล้ว มันจะมีแขนงแตกออกมา 2 ง่าม เมื่อแม่แขนงมันแก่เราจะใช้เหล็กแทงเพื่อแยกเหง้าออกมาชำในถุงดำวัสดุที่ใช้ชำเหง้าไผ่เลี้ยงจะใช้อัตราส่วนของ หน้าดิน : แกลบดำ = 1 : 1 และนำถุงชำมาวางไว้กลางแจ้ง มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอด้วยระบบน้ำสปริงเกลอร์ ไม่แนะนำให้นำเหง้าชำไปวางไว้ในที่ร่มมักจะตายในเวลาต่อมา ถุงชำเหง้าใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถุง 5-6 นิ้ว ชำไปนานประมาณ 2 เดือน นำมาปลูกหรือจำหน่ายได้ กิ่งพันธุ์ที่ใช้ได้ดีต้องไม่แก่เกิน1.5ปี หากแก่เกินไปโอกาสติดจะยาก
ผู้ที่สนใจกิ่งพันธ์ติดต่อ คุณ วัลลภ ต่ายทอง 081-9497838
การชำระเงิน
1.โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา นวนคร บัญชีออมทรัพย์
เลขที่ 2581418607 ชื่อ คุณ ภิรมย์ ศิลา
2.แจ้งการโอนเงินมาที่ โทร 086-4311547 หรือ SMS
ราคา 35.00 บาท ติดต่อ วัลลภ ต่ายทอง โทร. 0862010805
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 15 ปี 2 เดือน
ทรัพย์สำเริง | วังทอง พิษณุโลก
ไผ่บงหวาน เป็นไผ่ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลักษณะกอหุ้มแน่น เนื้อในตัน แตกกิ่งตลอดลำ มีเส้นผ่าศูนย์กลางลำเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 3-5 เซนติเมตร สูงประมาณ 5-10 เมตร หน่อมีสีเขียว เนื้อละเอียด รสชาดหวานมัน กรอบ อร่อยคล้ายยอดมะพร้าว (หรืออาจรสชาดดีกว่ายอดมะพร้าวเสียอีก) สามารถทานดิบได้ ทานเป็นเครื่องเคียงแทนผักสด และสามารถนำไปประกอบอาหารแทนเมนูมะพร้าวได้ทุกเมนู ไม่ต้องนำมาต้มเพื่อให้รสขมของหน่อไม้หายไป ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของไผ่พันธุ์นี้ ด้วยคุณลักษณะเด่นของไผ่ชนิดนี้ น่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ให้แก่เกษตรกรอีกตัวหนึ่ง เนื่องจากยังไม่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลาย
หน่อของไผ่บงหวานไม่ใหญ่นัก มีสีเขียว หนัก 200-300 กรัม ต่อหน่อ เนื้อหน่อละเอียด รสชาติหวานมัน กรอบ อร่อยเหมือนยอดมะพร้าวอ่อน ที่สำคัญรับประทานสดได้ สามารถนำไปปรุงอาหารได้เหมือนอย่างหน่อไม้ชนิดอื่นๆแต่แตกต่างจากหน่อไม้ชนิดอื่น อยู่ที่รับประทานสดๆ ได้ดี ปลูกครั้งเดียวขายได้ตลอดชีวิต
วิธีการปลูก
ไผ่บงหวาน เป็นพืชที่ชอบความชุ่มชื้นแต่ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ดังนั้น จึงควรปลูกในดินร่วนปนทรายซึ่งมีการระบายน้ำได้ดี ปลูกได้ทั้งในที่ราบและเชิงเขาที่น้ำท่วมไม่ถึง เพราะไม่ชอบให้น้ำท่วมขัง แต่ต้องใกล้กับแหล่งน้ำ หรือที่มีการจัดระบบน้ำอย่างดีสามารถให้น้ำได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นพืชที่ชอบความชุ่มชื้น หลุมที่ปลูกควรเป็นหลุมขนาดกว้างXยาวXลึก คือ กว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตรโดยประมาณ ระยะแถว 3X3 เมตร จะปลูกได้ประมาณ 178 ต้นต่อ1ไร่ เมื่อเตรียมหลุมแล้ว ดินที่ขุดขึ้นมาของแต่ละหลุมให้นำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้าผสมกับดินใส่ลงไปในหลุมส่วนหนึ่ง แล้วจึงนำต้นกล้าไผ่หวานที่ได้จากการเพาะเมล็ดฉีกถุงพลาสติกออกแล้วใส่ไปในหลุมที่เตรียมไว้ ใช้ดินส่วนที่เหลือกลบให้ถึงโคนจนพูน เมื่อดินยุบตัวแล้วจะพอดีได้ระดับเสมอกับดินที่โคนต้นหรือเสมอกับดินในแปลงปลูก ทั้งนี้ การกลบอย่าให้ดินแน่นจนเกินไปเพราะจะทำให้การแตกหน่อไม่สะดวก อนึ่ง ก่อนปลูกควรนำกล้าพันธุ์วางไว้กลางแจ้งสัก 1 – 2 เดือน เพื่อให้ต้นกล้าพันธุ์ชินกับสภาพแสงแดด ในตอนที่ปลูกใหม่ๆ หากไม่มีฝนตกต้องช่วยรดน้ำประมาณ 3 - 4 วัน/ครั้ง การใส่ปุ๋ยจะใส่ 4 เดือนครั้งหรือปีละ 3 ครั้ง โดยให้ปุ๋ยระยะห่างจากโคนต้นประมาณ 1 เมตร
ในระยะ 1 – 2 ปีแรก ควรปลูกพืชแซมระหว่างแถว เพื่อให้มีรายได้เสริมในระหว่างที่รอต้นไผ่หวานเจริญเติบโตเต็มที่ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง แตงโม พริก มันเทศ มะเขือเทศ ข้าวโพด เป็นต้น ซึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วยังสามารถไถกลบให้กลายสภาพเป็นปุ๋ยแก่ไผ่ได้อีกด้วย
ผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่ คุณ วัลลภ ต่ายทอง 081-9497838
การชำระเงิน
1.โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา นวนคร บัญชีออมทรัพย์
เลขที่ 2581418607 ชื่อ คุณ ภิรมย์ ศิลา
2.แจ้งการโอนเงินมาที่ โทร 086-4311547 หรือ SMS
ราคา 35.00 บาท ติดต่อ วัลลภ ต่ายทอง โทร. 0862010805
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 15 ปี 2 เดือน