ไร่ทายาท | เขาค้อ เพชรบูรณ์
Black Ginger
Introduction to the Thai Black Ginger
Kaempferia parviflora, also known as Thai black ginger, Thai ginseng or krachai dum, is an herbaceous plant in the family Zingiberaceae, native to Thailand. The Thai black ginger can be found specifically in a village in Phetchabun, Khao Kho, Khek Noi, home to one of the biggest Hmong Tribes. This is because the environment in Khek Noi is perfect for the growing and harvesting of Thai black ginger, being more than 500 meters above sea level, with frequent rainy weather and temperature slightly cooler temperature in comparison to the cities of Thailand.
The benefits of Thai Black Ginger
The Thai black ginger has been popular amongst the Hmongs since the earlier days since they believe it would give them energy. They would bite on some of these before they go out to work in the fields. Today, there is an increased scientific interest in the Thai black ginger and several researchers have been looking into the benefits of Thai black ginger. These have confirmed several health benefits the Thai black ginger can bring. Some of these benefits include:
1. Enhancement of energy production
One of the most popular reasons why people look for black ginger is due to its energy production properties. A study conducted by Toda et al. (2015) explained that this is because the Thai black ginger extract contains polymethoxy flavonoids in myocytes and helps with improving glucose, lactic acid and lipid metabolism. These can lead to an increase in locomotive functions, and therefore gives an energy boost when consumed.
2. Reduces risk of diabetes, lipidemia and obesity
The improvement of glucose, lactic acid and lipid metabolism mentioned earlier would also lead to reduced risk of diseases such as diabetes, lipidemia and obesity. An example of such can be observed in a study conducted by Yoshino et al. (2014) where mice who were subject to a high fat diet were given doses of black ginger extracts. The study concluded that the black ginger extract was able to suppress high fat diet induced obesity through increased energy metabolism.
3. Gastric ulcer
A study by Rujjanawate et al. (2005) suggests that oral doses of Thai ginger extract can significantly inhibit gastric ulcer formation.
The health benefits of the Thai black ginger are non-exhaustive. There are several other possible health benefits to Thai black ginger such as an increased sex drive, possible therapy for Alzheimer’s disease (Youn et al. 2016) etc. There are and will be several ongoing research investigating the effect of the Thai black ginger on health properties. These clearly suggests that the Thai black ginger is a valuable herb that should be treasured.
Identifying Good Thai Black Ginger
While we understand the benefits of Thai black ginger, it is also important to be able to identify black ginger of good quality. Good black ginger plants can be very distinct. We can identify them through their reddish leave edges, and pink underside of their leaves. When you break the rhizome of a good quality black ginger in two, you will be able to see that it is black and pinkish in the insides.
Preparation of Thai Black Ginger
There are several ways you can prepare or consume black ginger. These are three of the most popular ways the Thais use black ginger:
1. Boiled with water
This can be prepared with either fresh or dried Thai black ginger. Cut the ginger in slices and boil it in water. The black ginger drink is ready for consumption once the water is boiled. Some may prefer to add honey into the drink for taste.
2. Powdered and mixed with honey
Black ginger can also be consumed as a bread spread together with honey. To prepare this, either grind dried black ginger into powder or pound it with a mortar and pestle before mixing it in with honey and spreading it on bread.
3. Soaked in alcohol
The Thais also like to drink black ginger with alcohol. One of the more popular ways of doing this is soaking slices of the ginger in a bottle of alcohol (Such as 40 degrees in Thailand) for one to two weeks before consumption.
I hope this short article provided you with some knowledge on the Thai black ginger, its benefits and how it can be used. If you are interested in purchasing fresh or dry black ginger, you can purchase some grown by the Hmongs themselves.
Please contact Kosol Suebtayat at email: [email protected] or Line ID: tayatfarm and Phone: +66896951800 for interest in purchasing Thai black ginger.
References
Rujjanawate, C., Kanjanapothi, D., Amornlerdpison, D., & Pojanagaroon, S. (2005). Anti-gastric ulcer effect of Kaempferia parviflora. Journal of ethnopharmacology, 102(1), 120-122.
Toda, K., Takeda, S., Hitoe, S., Nakamura, S., Matsuda, H., & Shimoda, H. (2016). Enhancement of energy production by black ginger extract containing polymethoxy flavonoids in myocytes through improving glucose, lactic acid and lipid metabolism. Journal of natural medicines, 70(2), 163-172.
Yoshino, S., Kim, M., Awa, R., Kuwahara, H., Kano, Y., & Kawada, T. (2014). Kaempferia parviflora extract increases energy consumption through activation of BAT in mice. Food science & nutrition, 2(6), 634-637.
Youn, K., Lee, J., Ho, C. T., & Jun, M. (2016). Discovery of polymethoxyflavones from black ginger (Kaempferia parviflora) as potential -secretase (BACE1) inhibitors. Journal of Functional Foods, 20, 567-574.
ราคา 490.00 บาท ติดต่อ โกศล สืบทายาท โทร. 0896951800 0896951800
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 10 ปี 10 เดือน
ไร่ทายาท | เขาค้อ เพชรบูรณ์
กระชายดำสุดยอดยาสมุนไพรบำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
กระชายดำไวอาก้าประเทศไทย สรรพคุณเยอะกว่าโสมจีน
#ปลูกเอง #ขายเอง #ส่งออกทั้งหมด
สนใจโทร 089-6951800 ไร่ทายาท
กระชายดำดำสดราคา 120 บาทต่อกิโลกรัม
กระชายดำอบแห้ง 450 บาทต่อกิโลกรัม
เราส่งออกกระชายดำอบแห้งไป เกาหลี ญี่ปุ่น มานาน 10 ปี
กระชายดำ
การชายดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kaempferia parviflora เป็นพืชในวงศ์ เดียวกับกระชาย ต่างกันตรงที่เหง้าของกระชายดำจะมีสีม่วงเข้มอมดำ บางที่เรียกว่า Black Ginger กระชายดำ เป็นสมุนไพรของไทยที่ใช้กันมานาน โดยมีสรรพคุณในด้านเสริมสมรรถภาพทางเพศ และเป็นยาอายุวัฒนะ ในสมัยโบราณจะใช้กระชายดำเป็นยาขับลม สารสำคัญในกระชายดำ มีสารฟลาโวนส์ 12 ชนิด ซึ่งมีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันการสลายตัวของเนื้อกระดูก ลดการเกิดโรคหัวใจ ต้านเบาหวาน ยับยั้งเอนไซม์ไลเปส จึงมีส่วนช่วยในการลดความอ้วน และยับยั้งมะเร็งรังไข่ โดยป้องกันการเกิดหลอดเลือดมาเลี้ยงเซลล์มะเร็ง งานวิจัยปัจจุบันพบว่า สารฟลาโวนส์ จากกระชายดำยับยั้งเอนไซม์ฟอสโฟไดเอสเตอเรส 5 ในกล้ามเนื้อเรียบขอบอวัยวะเพศชาย จึงช่วยในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นกลไกเดียวกันกับยาไวอะกร้า การทดลองในหนู โดยการให้หนูรับประทานสารสกัดจากกระชายดำ พบว่าเพิ่มการไหลของโลหิตไปเลี้ยงที่อัณฑะ โดยไม่มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ จึงยืนยันสรรพคุณของกระชายดำ ที่ใช้กันมาแต่โบราณ การวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่าสารสกัดจากกระชายดำมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์มะเร็งหลายชนิด และกระตุ้นกำหนัด (กระตุ้นความต้องการทางเพศ) ได้ทำการทดสอบความเป็นพิษ และรับรองแล้วว่ามีความปลอดภัย กระชายดำ จึงเป็นสมุนไพรที่ต้านความเสื่อมต่างๆ เช่น ความเสื่อมจากอนุมูลอิสระ ความเสื่อมของสมอง ความเสื่อมในระบบหมุนเวียนโลหิต ซึ่งส่งผลต่อหัวใจ และสมรรถภาพทางเพศ จึงต้านความชรา
ตามตำรายาไทยกระชายดำมีสรรพคุณ
1. กระชายดำใช้บำรุงกำลัง
2. แก้ปวดเมื่อย และแก้อาการเหนื่อยล้า
3. กระชายดำช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
4. ช่วยขับลม
5. เป็นยาอายุวัฒนะ (เชื่อว่าช่วยบำรุงสมรรถภาพทางเพศชาย)
6. แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง
7. กระชายดำขับปัสสาวะ
8. หรือโขลกกับเหล้าขาวคั้นน้ำดื่ม แก้โรคมดลูกพิการ มดลูกหย่อน
9. ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก
10. ต้มดื่มแก้โรคตา
11. กระตุ้นระบบประสาท
12. รักษาสมดุลความดันโลหิต
13. กระชายดำช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจ
14. โรคเก๊าท์
15. ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร
16. รักษาระบบการย่อยอาหารให้เกิดสมดุลย์
17. แก้โรคบิด
18. รักษาผู้ป่วยเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือด
ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี
ปริมาณน้ำไม่เกิน 10% w/w ปริมาณสิ่งแปลกปลอมไม่เกิน 2% w/w ปริมาณเถ้ารวมไม่เกิน 6% w/w ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 2% w/w ปริมาณสารสกัดด้วยเอทานอล ไม่น้อยกว่า 8% w/w ปริมาณสารสกัดด้วยน้ำ ไม่น้อยกว่า 17% w/w (THP III)
ตัวอย่างการใช้กระชายดำ
การใช้กระชายดำเป็นยาแก้ปวดท้อง และยาอายุวัฒนะ ตามภูมิปัญญาไทย
ใช้เหง้า (หัวสด) ประมาณ 4-5 ขีด ต่อสุราขาว 1 ขวด ดองสุราขาวดื่มก่อนรับประทานอาหารเย็น ปริมาณ 30 ซีซี หรือฝานเป็นแว่นบางๆ แช่น้ำดื่ม หรือดองน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
ใช้เหง้าแห้งดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1 นาน 7 วัน และนำมาดื่มก่อนนอน
ข้อควรระวัง
การรับประทานติดต่อกันนาน อาจทำให้เหงือกร่น และห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคตับ และในเด็ก การรับประทานในขนาดสูง ทำให้เกิดอาการใจสั่นได้
ฤทธิ์ต่อระบบสืบพันธุ์:
สารสกัดกระชายดำด้วยเอทานอล โดยการกรอกสารเข้าสายในกระเพาะอาหาร พบว่าสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศผู้ของหนูขาวและสุนัขได้ นอกจากนี้การป้อนสารสกัดกระชายดำ ยังมีผลเพิ่มความหนาแน่นของอสุจิ และระดับ testosterone แต่ไม่ทำให้พฤติกรรมทางเพศเปลี่ยนแปลง สำหรับหนูขาวซึ่งได้รับสารสกัดแอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงขนาด 1,000 มก./กก. น้ำหนักตัว/วัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ สามารถป้องกันภาวะการผสมไข่ไม่ติด แต่สารสกัดขนาดดังกล่าวมีผลทำให้ตับโตขึ้น
การออกฤทธิ์เฉพาะ
1. ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์
พบคุณสมบัติของสาร 5,7,4- trimethoxyflavone และสาร 5,7,3,4- tetramethoxyflavone ออกฤทธิ์ต้านเชื้อ Plasmodium Falciparum (โรคมาเลเรีย), เชื้อ Canadida albicans และเชื้อ Mycobacterium และจากการศึกษาฤทธิ์ต้านจุลชีพของน้ำมันหอมระเหยจากกระชายดำ พบว่า สามารถต้านการเติบโตของเชื้อโรค S. aureus ได้ดี
2. พิษต่อเซลล์มะเร็ง
การใช้สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์จากกระชายดำที่มีต่อเซลล์มะเร็งไม่พบสารใดที่ทำให้เกิดพิษต่อเซลล์มะเร็งได้
3. ฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดง
การให้สารสกัดจากกระชายดำแก่หนูทดลอง พบว่า หลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) ของหนูทดลองมีการขยายตัว รวมถึงช่วยลดการหดเกร็งของลำไส้ส่วนปลาย (ileaum) และช่วยยังยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดได้
4. ฤทธิ์ต้านอักเสบ
สาร 5,7 –ไดเมธอกซีฟลาโวน (5,7-DMF) ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบไกล้เคียงกับยามาตรฐานหลายชนิด เช่น ไฮโดรคอร์ติโซน, อินโดเมธาซิน, แอสไพริน และเพรดนิโซโลน และออกฤทธิ์ต้านการอักเสบชนิดเฉียบพลันได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าแบบเรื้อรัง นอกจากนั้น ยังพบว่าสามารถยับยั้งอาการอุ้งเท้าบวมของหนูทดลองที่ได้รับสารสารคาราจีแนน และเคโอลินได้ดี
ฤทธิ์สารสกัดกระชายดำช่วยลดการอักเสบของโรคข้อเข่าเสื่อม จากการทดลอง พบว่า สารสกัดจากเอทานอล และเฮกเซนสามารถยับยั้งการเกิดไนตริกออกไซด์ (NO) ในเซลล์เพาะเลี้ยงแมคโครฟาจได้ ซึ่งสามารถชี้บ่งถึงประสิทธิภาพสารสกัดกระชายดำในการยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการทำลายของเซลล์ และเนื้อเยื่อได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. ลำต้น และราก
กระชายดำมีลำต้น 2 ชนิด คือ ลำต้นเหนือดิน (Aerial stem) และลำต้นใต้ดิน (Underground stem) ลำต้นเหนือดิน กลางลำต้นเป็นแกนแข็ง มีกาบใบล้อมรอบแน่น กาบใบหรือโคนใบมีสีแดง มีลักษณะอ่อนอวบ นุ่ม หุ้มแกนลำต้นไว้ ลักษณะคล้ายขมิ้นชันใบเดี่ยว แต่มีลำต้นเล็กกว่า และเตี้ยกว่าขมิ้นมาก
ลำต้นใต้ดินหรือเรียก เหง้าหรือหัว มีลักษณะเป็นรูปวงกลมหรือวงรี เหง้ามีการเจริญเติบโตในแนวระนาบแผ่ขนานตามพื้นดิน เหง้าแก่มีแง่ง แตกออกด้านข้างจำนวนมาก แง่งมีลักษณะแตกเป็นแขนงย่อย มีรูปร่างไม่แน่นอน ลักษณะทั่วไปเป็นรูปกระบองหรือรูปหลอด ยาว 1.5-10 เซนติเมตร หนา 1-2 เซนติเมตร เปลือกด้านนอกมีสีออกสีน้ำตาลแกมสีส้มหรือสีแดง เหง้าที่แก่จะเปลี่ยนเป็นสีเทา เนื้อภายในมีสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำเงินหรือสีดำ กลางเหง้ามีตาเจริญเป็นลำต้นเหนือดินหรือช่อดอก
พันธุ์กระชายดำ
พันธุ์กระชายดำ จำแนกตามสีที่พบบริเวณท้องใบ ก้านใบ ขอบใบ และสีเนื้อหัว ดังนี้
1. พันธุ์ใบแดง
เป็นกระชายดำที่นิยมมากที่สุด มีลักษณะเหมือนกับกระชายดำทั่วไป แต่มีสีของใบที่เด่นสวยงาม คือ ด้านหลังใบมีสีแดงอมม่วง ด้านหน้าใบมีสีเขียว ขอบใบมีเส้นสีน้ำตาลอมแดง ลำต้น และก้านใบมีสีแดงอมม่วงเข้ม หัวมีลักษณะกลม สีเนื้อหัวเป็นสีม่วงเข้มจนถึงดำเหมือนสีลูกหว้า ทั้งนี้ ความเข้มของสีใบและสีเนื้อหัวจะขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้ำ และการดูแลรักษา เป็นพันธุ์ที่มีราคาแพงกว่าพันธุ์อื่นๆ ชาวบ้านมักเรียกว่า “สายพันธุ์ตัวผู้”
2. พันธุ์ใบเขียว
เป็นกระชายดำที่ได้รับความนิยมเหมือนกับพันธุ์ใบแดง พันธุ์นี้มีความแตกต่างกับพันธุ์ใบแดงที่สีใบจะเป็นสีเขียวนวลทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ลำต้น และกาบใบมีสีเขียวอย่างเดียว ก้านดอกมีสีเขียว กลีบดอกมีสีม่วงสวยงาม มีเส้นรอบกลีบดอกเป็นสีขาว เนื้อมีสีน้ำตาลจนถึงน้ำตาลเข้ม ลักษณะหัวกลมรีน้อยกว่าพันธุ์ใบแดง และราคาจะถูกกว่า ชาวบ้านมักเรียก “พันธุ์ตัวเมีย”
3. พันธุ์กระชายขาวหรือว่านเพชรกลับ
เป็นพันธุ์ที่พบมากตามป่า ลักษณะต่างจากกระชายดำ คือ มีลักษณะลำต้นทอดสูงเหมือนต้นขิง ความสูงประมาณ 80-90 เซนติเมตร กาบใบ และใบขึ้นสลับด้านข้างลำต้น ก้าบใบ และใบมีสีเขียว ด้านหลังใบมีสีม่วงเข้ม ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว กลีบดอกด้านนอกมีสีขาวด้านในมีสีแดงแกมม่วง
หัวมีลักษณะเหมือนกระชายดำทั่วไป แต่จำนวนแง่งต่อเหง้าน้อยกว่า สีเนื้อหัวมีสีขาว เป็นที่มาของชื่อ “กระชายขาว” หัวมีกลิ่น และรสชาติยังเหมือนกระชายดำ และมีสรรพคุณเหมือนกระชายดำทุกประการ
ตามความเชื่อของคนชนบท หากนำหัวว่านกระชายขาวติดตัวเวลาเดินป่า ว่านจะช่วยไม่ให้หลงป่า และนำทางกลับ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ว่านเพชรกลับ” หรือ “ว่านชักกลับ” จากการสำรวจพบมากที่ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
4. พันธุ์กระชายหอม/ว่านหอม/กระชายเหลือง
เป็นพันธุ์ที่หายากในปัจจุบัน ไม่พบการปลูก และขายพันธุ์ให้เห็น ต้องเสาะแสวหาตามป่าลึก จึงทำให้มีราคาสูงกว่ากระชายดำพันธุ์ใบแดง และพันธุ์อื่นๆ ประมาณ 3-5 เท่าตัว เนื่องจากหายาก และเชื่อว่าสรรพคุณเหนือกว่ากระชายดำพันธุ์อื่นๆ
กระชายหอมมีลักษณะต้น ใบ และราก เหมือนกับกระชายดำพันธุ์ใบเขียวทุกประการ แต่สีเนื้อหัวจะมีสีขาวอมเหลืองอ่อน ๆ และมีเอกลักษณ์ที่มีกลิ่นหอม ชวนรับประทานมากกว่ากระชายดำ
กระชายดำ (เนื้อดำแท้) กับ กระชายม่วง (เนื้อสีดำแกมม่วง)
กระชายดำ (ดำแท้) จะมีใบเขียวเกือบเข้ม และทรงใบเรียวยาวมากกว่ากระชายม่วง ใต้ใบ และขอบใบมีสีม่วงแกมอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใบกระชายม่วงมีสีเขียวอ่อน ปลายค่อนข้างมน ขอบใบ และใต้ใบมีสีม่วงแกมเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
การปลูกกระชายดำ
ฤดูปลูก
ปลูกได้ทั้งปี แต่ฤดูปลูกที่เหมาะสมอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม
การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก
หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ(หัก)ออกมาเป็นแง่ง ๆ ถ้าแง่งเล็กก็ 2-3
ราคา 450.00 บาท ติดต่อ โกศล สืบทายาท โทร. 0896951800 0896951800
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์ เปิดร้านมาแล้ว 10 ปี 10 เดือน