ชื่อสินค้า:
ว่านนางตัด ขายต้นปลูกเท่านั้นไม่มีต้นแห้ง
รหัส:
381859
ประเภท:
ราคา:
200.00 บาท
/ต้น
ติดต่อ:
คุณปุณณภา งานสำเร็จ
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์
เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 1 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
ค่าขนส่ง:
60 บาท
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ว่านนางตัด ใช้ฆ่าปรอททำมวลสาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ Labisia pumila (Blume) Fern.-Vill.
ชื่อวงศ์ PRIMULACEAE
ชื่ออื่น พิลังสา, ว่านนางสัด (ชุมพร); ว่านนางตัด (ตรัง, สตูล)
ลักษณะ
ไม้ล้มลุก มีเหง้า ลำต้นสั้น มีเกล็ดสีน้ำตาลแดงหนาแน่นตามต้น แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ และช่อดอก ใบเรียงเวียนหนาแน่นที่ยอด รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 10–20 ซม. โคนเรียวสอบจรดก้านใบเป็นครีบ เส้นแขนงใบจำนวนมาก ปลายเรียงจรดกัน ก้านใบยาว 2.5–8 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงสั้น ๆ คล้ายช่อเชิงลด ออกตามซอกใบ ยาว 2–8 ซม. ช่อย่อยมี 1–7 ดอก ใบประดับรูปลิ่มแคบ ยาวได้ถึง 3 มม. ก้านดอกยาว 1–2.5 มม. กลีบเลี้ยงส่วนมากมี 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ติดทน มีจุดโปร่งใส ดอกสีขาวหรืออมชมพู ส่วนมากมี 5 กลีบ เรียงจรดกันในตาดอก โคนเชื่อมติดกัน กลีบรูปสามเหลี่ยม ยาว 2.5–3 มม. ด้านนอกมีต่อมกระจาย เกสรเพศผู้เท่าจำนวนกลีบดอก ติดที่โคนและพับอยู่ภายในกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้น อับเรณูหันเข้า ปลายมีต่อม รังไข่มีเกล็ดประปราย ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1.5 มม. ยอดเกสรเป็นตุ่ม ผลสด ผนังชั้นในแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 มม. สุกสีแดง มีต่อมกระจาย มีเมล็ดเดียว
พบที่กัมพูชา คาบสมุทรมลายู บอร์เนียว ชวา และสุมาตรา ในไทยส่วนมากพบทางภาคใต้ ขึ้นตามริมลำธารในป่าดิบชื้น ความสูง 100–800 เมตร
สรรพคุณบำรุงครรภ์ ลดภาวะตกเลือด ช่วยให้ร่างกายฟื้นหลังการคลอด และบำรุงกำลัง
ความเชื่อ
เป็นว่านทางเมตตามหานิยมป้องกันภูตภัยต่างๆ ผู้ทรงอามทางใต้ใช้ผงว่านนางตัดกับเทียนขี้ผึ้งสำหรับตัดเหล็กไหลให้ขาดจากกัน เมื่อเหล็กไหลแห้งจะมีรูปร่างคล้ายแมลงภู่ จากนั้นจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาบรรจุในพระเครื่องและฝังไว้ใต้แขน เพื่อเป็นเครื่องรางป้องกันศาตราวุธ แก้ไขข้อมูลเมื่อ 15 Jan 24 10:39
ชื่อวิทยาศาสตร์ Labisia pumila (Blume) Fern.-Vill.
ชื่อวงศ์ PRIMULACEAE
ชื่ออื่น พิลังสา, ว่านนางสัด (ชุมพร); ว่านนางตัด (ตรัง, สตูล)
ลักษณะ
ไม้ล้มลุก มีเหง้า ลำต้นสั้น มีเกล็ดสีน้ำตาลแดงหนาแน่นตามต้น แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ และช่อดอก ใบเรียงเวียนหนาแน่นที่ยอด รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 10–20 ซม. โคนเรียวสอบจรดก้านใบเป็นครีบ เส้นแขนงใบจำนวนมาก ปลายเรียงจรดกัน ก้านใบยาว 2.5–8 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงสั้น ๆ คล้ายช่อเชิงลด ออกตามซอกใบ ยาว 2–8 ซม. ช่อย่อยมี 1–7 ดอก ใบประดับรูปลิ่มแคบ ยาวได้ถึง 3 มม. ก้านดอกยาว 1–2.5 มม. กลีบเลี้ยงส่วนมากมี 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ติดทน มีจุดโปร่งใส ดอกสีขาวหรืออมชมพู ส่วนมากมี 5 กลีบ เรียงจรดกันในตาดอก โคนเชื่อมติดกัน กลีบรูปสามเหลี่ยม ยาว 2.5–3 มม. ด้านนอกมีต่อมกระจาย เกสรเพศผู้เท่าจำนวนกลีบดอก ติดที่โคนและพับอยู่ภายในกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้น อับเรณูหันเข้า ปลายมีต่อม รังไข่มีเกล็ดประปราย ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1.5 มม. ยอดเกสรเป็นตุ่ม ผลสด ผนังชั้นในแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 มม. สุกสีแดง มีต่อมกระจาย มีเมล็ดเดียว
พบที่กัมพูชา คาบสมุทรมลายู บอร์เนียว ชวา และสุมาตรา ในไทยส่วนมากพบทางภาคใต้ ขึ้นตามริมลำธารในป่าดิบชื้น ความสูง 100–800 เมตร
สรรพคุณบำรุงครรภ์ ลดภาวะตกเลือด ช่วยให้ร่างกายฟื้นหลังการคลอด และบำรุงกำลัง
ความเชื่อ
เป็นว่านทางเมตตามหานิยมป้องกันภูตภัยต่างๆ ผู้ทรงอามทางใต้ใช้ผงว่านนางตัดกับเทียนขี้ผึ้งสำหรับตัดเหล็กไหลให้ขาดจากกัน เมื่อเหล็กไหลแห้งจะมีรูปร่างคล้ายแมลงภู่ จากนั้นจะตัดเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาบรรจุในพระเครื่องและฝังไว้ใต้แขน เพื่อเป็นเครื่องรางป้องกันศาตราวุธ แก้ไขข้อมูลเมื่อ 15 Jan 24 10:39
คำสำคัญ:
ว่านนางตัด
พันธุ์ไม้หายาก