หยางเหมย /#เอี่ยบ๊วย/#เบย์เบอร์รี่แดง ยัมเบอรี่

#หยางเหมย /#เอี่ยบ๊วย/#เบย์เบอร์รี่แดง (#red_bayberry), #ยัมเบอร์รี่ (#yumberry) (ชื่อวิทยาศาสตร์: Myrica rubra)
ราคา 990 บาท
ต้นเสียบยอด เพิ่งเข้าถึงไทยวันนี้คะ จะมีใบที่ช้ำจากการขนส่ง ใบถูกับลังไม้มาบ้างใบจะมีการช้ำและจะเป็นสีน้ำตาลนิดหน่อย ถ้าเป็นเยอะเด็ดทิ้งได้เลยคะ หากไม่มากเก็บไว้ได้คะ (ที่เป็นไม่มากคะจะเป็นเฉพาะต้นที่อยู่ติดกับลังเท่านั้น นำเข้ามาทั้งถุงดิน ตามรูป)
พันธุ์ดงขุย: เป็นพันธุ์ที่สุกเร็วปานกลาง ผลขนาดใหญ่ พันธุ์นี้แข็งแรงและต้นตั้งตรง ดงกุยเบย์เบอร์รี่ให้ผลผลิตสูงและให้ผลผลิตคงที่ ทนต่อลม และไม่ร่วงหล่นง่ายเมื่อโตเต็มที่ เป็นพันธุ์ที่ดีสำหรับกินลูกสด
หยางเหมยเป็นไม้ยืนต้นในเขตอบอุ่นกึ่งร้อน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน จึงเรียกกันตามชื่อภาษาจีน ปัจจุบันเพาะปลูกเพื่อเป็นไม้ผล ผลหยางเหมยมีสีแดงเข้ม ฉ่ำน้ำ กลิ่นหอมมีรสหวานและเปรี้ยว ใช้ กินสด สำหรับคั้นเป็นน้ำผลไม้ ทำผลไม้แห้ง หรือ หมักเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยา และใช้สกัดทำสีย้อมสีเหลือง ออกผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
ดอก แยกเพศ (dioecious) ดอกตัวผู้ ช่อดอกตัวผู้เป็นพวงยาวรูปโคน ยาว 1 - 4 ซม. อาจเป็นช่อเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มช่อดอกตัวผู้ 2 - 6 ช่อ งอกจากซอกใบในส่วนปลายกิ่ง แต่ละดอกยาว 0.2 - 0.4 ซม. เรียงรอบก้านช่อดอกค่อนข้างเป็นระเบียบ เรียบง่ายไม่มีกลีบดอก (ดอกเปลือย) ทรงเกือบเป็นวงกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1 - 0.2 ซม. และมีปุ่มสีทองอยู่ด้านล่าง แต่ละดอกมีเกสรตัวผู้ 4 - 6 ตุ่ม (เป็นตุ่มติดฐานดอก ไม่เป็นเส้น) มีอับเรณูรูปไข่สีแดงแสดถึงแดงเข้ม[6][1] ดอกตัวเมีย ช่อดอกตัวเมียเป็นดอกเดี่ยวมีฐานรองดอกแหลม ทรงรียาว มีขนาดเล็กกว่าช่อดอกตัวผู้มาก ยาว 0.5 - 1.5 ซม. ช่อดอกตัวเมียออกที่ซอกใบในส่วนปลายกิ่ง ก้านดอกมีตุ่มและอาจมีขน กลีบดอกทับซ้อนกันเป็นแผ่น ๆ คล้ายเกล็ดตามแนวยาวของดอก ไม่มีขน รังไข่ด้านบนแต่ละเกล็ดมีขนยื่นออกมา (ุคล้ายกลีบขนาดเล็กมาก กว้างประมาณ 0.5 มิลลิเมตร) แยกปลายเป็นสองแฉก ทรงเรียวปลายแหลม สีแดงสด[6][7] ออกดอกตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน (ในประเทศจีน)
สนใจทักในinboxเพจ วันเดอร์กรีน
โทร0855865894 เป็นเบอร์ไลน์
ห้ามโทรกลางคืน แก้ไขข้อมูลเมื่อ 23 Aug 22 12:32