ชื่อสินค้า:
เมล็ดน้ำตาพระศิวะ
รหัส:
331267
ประเภท:
ราคา:
10.00 บาท
/เม็ด
ติดต่อ:
คุณ คุณ ยุ้ย
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์
เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 3 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ความเชื่อแบบนี้ค่ะ
#น้ำตาพระศิวะ สนใจทักค่ะ
ตำนานแห่งเมล็ดพืชมงคล “รุทรักษะ หรือ น้ำตาพระศิวะ”เชื่อว่าหากผู้ใดสวมใส่ จะไม่ถูก ภูติผี วิญญาณร้าย รบกวน สุขภาพแข็งแรง.......
ตำนานแห่งเมล็ดพืชมงคล “รุทรักษะ” หรือ “น้ำตาพระศิวะ”
ในครั้งหนึ่ง องค์มหาอุมาเทวีเจ้า ได้ ทูลถาม องค์พระสดามหาศิวะเจ้า ถึงความสำคัญของเมล็ดรุทรักษะ ซึ่งองค์พระสดามหาศิวะเจ้า และ เหล่า คณะปติ, คณะบริวาร ขององค์พระสดามหาศิวะเจ้าได้ใช้ประดับสวมใส่อยู่ และได้รับทราบถึงคำตอบว่า ในครั้งหนึ่งของการทำสมาธิอันยิ่งใหญ่ในการเปิดโลกทัศนะญาณขององค์พระสดามหาศิวะเจ้า เมื่อองค์พระสดามหาศิวะ ผู้เป็นเจ้าท่านได้ทรงเห็นความทุกข์ ยาก ลำบากใน การดำรงชีวิตของเหล่ามนุษย์บนโลก ด้วยความเวทนา ในชะตากรรม น้ำพระอัสสุชล (น้ำตา) ขององค์พระสดามหาศิวะเจ้า จึงได้หยดลงมาบนพื้นโลก และเมื่อน้ำพระอัสสุชล(น้ำตา) ขององค์พระสดามหาศิวะเจ้าหยดถึงพื้นดินนั้นก็ได้บังเกิดเป็นต้นไม้ขึ้น องค์พระสดามหาศิวะเจ้าจึงได้อำนวยพรให้กับต้นไม้ที่กำเนิดนั้นโดยให้ถือว่าเป็นต้นไม้มงคลและตั้งชื่อให้ว่าต้นรุทรักษะ
และอำนวยพรให้แก่มนุษย์ที่ได้นำเมล็ดรุทรักษะไปประดับหรือสวมใส่ด้วยความเคารพรัก ดังนี้
เมล็ดรุทรักษะ เป็นเมล็ดผลไม้ที่ทรงโปรดแห่งพระศิวะเทพ เป็นสิ่งที่นำความศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่บาปทั้งหมดได้ด้วยการได้เห็น ได้สัมผัสและได้ท่องสวด (ลูกประคำ)
เมื่อก่อนอันความยิ่งใหญ่แห่งเมล็ดรุทรักษะ ได้ถูกนำมากล่าวต่อพระแม่ศิวาโดยพระศิวะเทพ เพื่อช่วยเหลือต่อจักรวาล พระศิวะเทพทรงรับสั่งว่า ...
“โอ้ นางมเหศานี จงรับฟังถึงความยิ่งใหญ่แห่งเมล็ดรุทรักษะ เพื่อผลประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ที่ทำการบูชาต่อพระศิวะเทพ เมื่อก่อนนั้นข้าได้ประกอบสมาธิกรรมฐานเป็นเวลาหลายพันปีแห่งสวรรค์ ถึงแม้จะควบคุมการสำรวจนี้เป็นอย่างดีก็ตาม จิตใจของข้าไม่อยู่คงที่ได้ล่องลอยไปในที่ไกล โดยปราศจากการกระทำใดๆ ข้าถึงกับสะดุ้งตกใจตื่นจากการสำรวม และลืมตาขึ้นจากความต้องการที่จะช่วยเหลือจักรวาล หยดน้ำตาของข้าก็ล่วงลงสู่พื้นดินที่ดวงตายังลืมไม่หมด ลืมเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
จากหยดน้ำตาที่ไหลออกมาได้เกิดเป็นต้นรุทรักษะขึ้น” ต้นไม้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ และได้ออกลูกมาเป็นจำนวนมาก ต้นไม้เหล่านี้ได้เจริญในดินแดน เกาฑะ , มธุรา , ลังกา , อโยธยา , มลัย , ภูเขา , สหยะ , แคว้นกาศีและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มันสามารถจะทำลายบาปให้ หมดไปได้
สีสรรต่างๆ แห่งเมล็ดรุทรากษะนั้นมีอยู่ ๔ สีคือ สีขาว , สีแดง , สีเหลือง , และสีดำ ประชากรทั้งหมดจะต้องสวมใส่เมล็ดรุทรักษะตามวรรณะที่ตนอยู่
เมล็ดรุทรากษะอันมีขนาดเท่าลูกสมอ นับว่าเป็นขนาดที่วิเศษที่สุด แม้ว่าเมล็ดจะมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดพุทราก็จะได้รับประโยชน์และมีความผาสุกอันยิ่งใหญ่ ไม่มีสร้อยคออื่นหรือพวงมาลัยใดที่จะนำความเป็นสิริมงคลและให้ความสำเร็จสมประสงค์ทุกอย่าง เท่ากับการได้สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ จะต้องสวมใส่เมล็ดผลไม้นี้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คือจะต้องร้อยเมล็ดรุทรักษะ ๖ เมล็ด เมล็ดไว้บนหูแทนต่างหูทั้งสองข้าง จำนวน ๑๐๑ เมล็ดจะร้อยใช้แทนสร้อยคอ จำนวน ๑๑ เมล็ดจะสวมไว้รอบแขนที่ซ้ายและขวา , ที่ข้อศอกและที่บั่นเอว ผู้บูชาต่อพระศิวะเทพจะต้องร้อยรุทรักษะสวมเมล็ดกับด้ายสายสิญจน์ของเขา
กฎแห่งพระเวทย์การสวมใส่เมล็ดรุทรากษะในแต่ละวรรณะ
ตามกฎแห่งพระเวทย์ที่ได้รับวางไว้ คือ เมล็ดรุทรักษะสีขาวสำหรับพราหมณ์ สีแดงสำหรับวรรณะกษัตริย์ สีเหลืองสำหรับวรรณะไวศยะ และเมล็ดสีดำสำหรับคนในวรรณ ศูทร
ประชากรแห่งวรรณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงก็สามารถสวมใส่เมล็ดรุทรักษะได้ตามบัญชาของพระศิวะเทพ คนเหล่านั้นผู้เขียน ตรีปุนทร มีการสวมใส่เมล็ดรุทรากษะ
จะไม่ตกสู่นรกแห่งพระยมราชเลย พระยมราชได้มีบัญชาต่อบริวารฑูตของพระองค์ว่า “คนผู้ใดที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ แม้เพียงเมล็ดเดียวไว้บนศีรษะแล้ว มีการเขียน ตริปุนทรไว้บนหน้าผากและมีการท่องสวมมนต์ ๕ พยางค์แล้วจะต้องทำความความเคารพต่อเขาทันที เขาเหล่านี้เป็นบริวารของพระศิวะเทพ และไม่จับกุมหรือทรมานแต่อย่างใด
ตราบนานเท่านานที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ คนผู้นั้นจะมีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นที่โปรดปรานแห่งเทพเจ้าทั้ง๕ พระองค์ ( พระอาทิตย์ , พระคเนศ , พระแม่ทรุคา , พระรุทรและพระวิษณุเทพ )และเป็นที่ชอบพอรักใคร่ของเทพทั้งหมดด้วย”
คนทั้งหมดที่ได้ใช้เถ้าถ่านและสวมใส่เมล็ดรุทรักษะจะเป็นที่ชื่นชอบของพระศิวะเทพ เป็นผลแห่งความผาสุขร่ำรวย เป็นอิสระจากบาปทั้งปวง และคนผู้ที่ได้สวดมนต์ ๕ พยางค์ ด้วยแล้วนับว่าได้ปฏิบัติอย่างสมบูรณ์แห่งโยคะลัทธิ และนับได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
ลักษณะรุทรักษะและความหมายต่าง ๆ
รุทรักษะ มีหลายลักษณะ หรือเรียกว่า หลายหน้า ถ้าจะอธิบายง่ายๆก็คือ บนผิวเมล็ดที่มีลักษณะกลมนั้นมีเส้นเเบ่งเมล็ดออกเป็นกี่ส่วน ซึ่งเเต่ละลักษณะนั้นตามตำนานเเละความเชื่อของผู้คนจากอารยธรรมทางอินเดียตอนเหนือ เนปาล ภูฎาน เเละธิเบต จากข้อมูลหนังสือ The Mystic Seed ของ K.T. Shubhakaran สรุปได้ดังนี้
๑. หนึ่งหน้า เชื่อว่าเป็นมารดาเเห่งเมล็ดรุทรักษะทั้งปวง นำมาซึ่งความสุขเเละการปกป้องจากบรรดาอันตรายทั้งปวง พระลักษมีจะคอยปกป้องผู้ที่บูชารุทรักษะหนึ่งหน้านี้ เเละทำลายล้างความชั่วร้ายทั้งปวง
๒. สองหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระศิวะ ช่วยเพิ่มพลังสมาธิให้ผู้สวมใส่เเละเกิดสมาธิได้เร็ว
๓. สามหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของเทพอัคนี เเละใช้เพื่อป้องกันโชคร้ายต่างๆ ปลอดจากโรคภัย ปกป้องผู้สวมใส่จากอาวุธ เเคล้วคลาด นำมาซึ่งทรัพย์ เงินทอง
๔. สี่หน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนเเห่งพระพรหม ช่วยชำระจิตรใจให้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดปัญญา
๕. ห้าหน้า เชื่อว่าเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าจะประทานพรเเละความสำเร็จในชีวิตให้เเก่ผู้สวมใส่ ขจัดโรคภัย อีกทั้งยังเชื่อกันว่าหากสวมใส่ สามเมล็ดจะนำมาซึ่งกำไรทางการค้า ธุรกิจ เเละความมั่งคั่ง
๖. หกหน้า เขื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระ Kartikeya ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระพิฆเนศ ผู้ชายใส่มือขวา ผู้หญิงใส่มือซ้าย ช่วยปกป้องนานาประการ
๗. เจ็ดหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของ Sapta Rishis ช่วยให้ผู้สวมใส่ได้รับโชคทรัพย์สิน ความนับถือ เเละความมีอำนาจ ผู้คนยำเกรง
๘. เเปดหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระพิฆเนศ ผู้สวมใส่จะได้รับความสำเร็จ ชีวิตราบรื่น เเละความมีสติปัญญา
๙. เก้าหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนเทพทั้งสามคือ Bhairava Yama เเละ Kapil Muni นิยมสวมใส่มือซ้ายเพื่อความก้าวหน้า เเละความสำเร็จ
๑๐. สิบหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของเทพพระวิษณุ ปกป้องผู้สวมใส่จากอิทธิพลของความชั่วร้ายทั้งปวง
๑๑. สิบเอ็ดหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระอินทร์ นำมาซึ่งความมั่งคั่ง ทรัพย์สินเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว
๑๒. สิบสองหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของเทพพระวิษณุ พระอาทิตย์จะคอยคุ้มครองผู้สวมใส่ให้ได้ความมั่งคั่งทั้งปวงเเละความราบรื่นของชีวิต
๑๓. สิบสามหน้า เชื่อว่าผู้สวมใส่จะได้รับความสำเร็จในชีวิต เเละได้รับโชคดีตลอดเวลา ปราศจากทุกข์ต่างๆ
๑๔. สิบสี่หน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระศิวะเเละเทพหนุมาน ช่วยรักษาโรคเเละความทุกข์ต่างๆ
เมล็ดรุทรักษะเชื่อว่าจะเพิ่มพลังงานให้เเก่ผู้สวมใส่ เเละส่งพลังเเม่เหล็กไฟฟ้าด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายผ่อนคลาย ปรับระดับการทำงานของร่างกายให้สมดุลย์ จิตรใจผ่อนคลายเเละเกิดสมาธิได้ง่าย ทางอินเดียตอนเหนือใช้ร่วมกับการรักษาโรคให้เเก่ผู้ป่วยด้วย
คุณสมบัติ
๑. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง จะไม่มีไสยเวทย์ ภูตผี วิญญาณร้าย มารบกวน หรือรังควาญ
๒. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง เมื่อเสียชีวิตลงในขณะที่สวมใส่รุทรักษะจะไม่ต้องได้รับการคร่ากุม หรือจับกุมโดยยมทูต เพื่อไปรับโทษในนรก
๓. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง จะ ทำให้มีเรื่องเสียใจหรือเศร้าหมองน้อยลงเสียน้ำตาน้อยลงและหากเมล็ดรุทรักษะยิ่งมีขนาดเล็กลงเท่าใด ก็จะยิ่งจะทำให้เสียน้ำตาน้อยลงเท่านั้น
๔. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง จะสามารถรักษาสุขภาพ ให้ดีและแข็งแรงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรค ที่ ทางการแพทย์ไม่สามารถหาสาเหตุพบ หรือ ผู้ที่เป็นโรคร้ายแรงไม่สามารถรักษาให้หายได้
จากหยดน้ำตาที่ไหลออกมาได้เกิดเป็นต้นรุทรักษะขึ้น” ต้นไม้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ และได้ออกลูกมาเป็นจำนวนมาก ต้นไม้เหล่านี้ได้เจริญในดินแดน เกาฑะ , มธุรา , ลังกา , อโยธยา, มลัย , ภูเขา , สหยะ , แคว้นกาศีและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มันสามารถจะทำลายบาปให้ หมดไปได้ แก้ไขข้อมูลเมื่อ 27 Sep 20 09:15
#น้ำตาพระศิวะ สนใจทักค่ะ
ตำนานแห่งเมล็ดพืชมงคล “รุทรักษะ หรือ น้ำตาพระศิวะ”เชื่อว่าหากผู้ใดสวมใส่ จะไม่ถูก ภูติผี วิญญาณร้าย รบกวน สุขภาพแข็งแรง.......
ตำนานแห่งเมล็ดพืชมงคล “รุทรักษะ” หรือ “น้ำตาพระศิวะ”
ในครั้งหนึ่ง องค์มหาอุมาเทวีเจ้า ได้ ทูลถาม องค์พระสดามหาศิวะเจ้า ถึงความสำคัญของเมล็ดรุทรักษะ ซึ่งองค์พระสดามหาศิวะเจ้า และ เหล่า คณะปติ, คณะบริวาร ขององค์พระสดามหาศิวะเจ้าได้ใช้ประดับสวมใส่อยู่ และได้รับทราบถึงคำตอบว่า ในครั้งหนึ่งของการทำสมาธิอันยิ่งใหญ่ในการเปิดโลกทัศนะญาณขององค์พระสดามหาศิวะเจ้า เมื่อองค์พระสดามหาศิวะ ผู้เป็นเจ้าท่านได้ทรงเห็นความทุกข์ ยาก ลำบากใน การดำรงชีวิตของเหล่ามนุษย์บนโลก ด้วยความเวทนา ในชะตากรรม น้ำพระอัสสุชล (น้ำตา) ขององค์พระสดามหาศิวะเจ้า จึงได้หยดลงมาบนพื้นโลก และเมื่อน้ำพระอัสสุชล(น้ำตา) ขององค์พระสดามหาศิวะเจ้าหยดถึงพื้นดินนั้นก็ได้บังเกิดเป็นต้นไม้ขึ้น องค์พระสดามหาศิวะเจ้าจึงได้อำนวยพรให้กับต้นไม้ที่กำเนิดนั้นโดยให้ถือว่าเป็นต้นไม้มงคลและตั้งชื่อให้ว่าต้นรุทรักษะ
และอำนวยพรให้แก่มนุษย์ที่ได้นำเมล็ดรุทรักษะไปประดับหรือสวมใส่ด้วยความเคารพรัก ดังนี้
เมล็ดรุทรักษะ เป็นเมล็ดผลไม้ที่ทรงโปรดแห่งพระศิวะเทพ เป็นสิ่งที่นำความศักดิ์สิทธิ์ ขับไล่บาปทั้งหมดได้ด้วยการได้เห็น ได้สัมผัสและได้ท่องสวด (ลูกประคำ)
เมื่อก่อนอันความยิ่งใหญ่แห่งเมล็ดรุทรักษะ ได้ถูกนำมากล่าวต่อพระแม่ศิวาโดยพระศิวะเทพ เพื่อช่วยเหลือต่อจักรวาล พระศิวะเทพทรงรับสั่งว่า ...
“โอ้ นางมเหศานี จงรับฟังถึงความยิ่งใหญ่แห่งเมล็ดรุทรักษะ เพื่อผลประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ที่ทำการบูชาต่อพระศิวะเทพ เมื่อก่อนนั้นข้าได้ประกอบสมาธิกรรมฐานเป็นเวลาหลายพันปีแห่งสวรรค์ ถึงแม้จะควบคุมการสำรวจนี้เป็นอย่างดีก็ตาม จิตใจของข้าไม่อยู่คงที่ได้ล่องลอยไปในที่ไกล โดยปราศจากการกระทำใดๆ ข้าถึงกับสะดุ้งตกใจตื่นจากการสำรวม และลืมตาขึ้นจากความต้องการที่จะช่วยเหลือจักรวาล หยดน้ำตาของข้าก็ล่วงลงสู่พื้นดินที่ดวงตายังลืมไม่หมด ลืมเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
จากหยดน้ำตาที่ไหลออกมาได้เกิดเป็นต้นรุทรักษะขึ้น” ต้นไม้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ และได้ออกลูกมาเป็นจำนวนมาก ต้นไม้เหล่านี้ได้เจริญในดินแดน เกาฑะ , มธุรา , ลังกา , อโยธยา , มลัย , ภูเขา , สหยะ , แคว้นกาศีและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มันสามารถจะทำลายบาปให้ หมดไปได้
สีสรรต่างๆ แห่งเมล็ดรุทรากษะนั้นมีอยู่ ๔ สีคือ สีขาว , สีแดง , สีเหลือง , และสีดำ ประชากรทั้งหมดจะต้องสวมใส่เมล็ดรุทรักษะตามวรรณะที่ตนอยู่
เมล็ดรุทรากษะอันมีขนาดเท่าลูกสมอ นับว่าเป็นขนาดที่วิเศษที่สุด แม้ว่าเมล็ดจะมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดพุทราก็จะได้รับประโยชน์และมีความผาสุกอันยิ่งใหญ่ ไม่มีสร้อยคออื่นหรือพวงมาลัยใดที่จะนำความเป็นสิริมงคลและให้ความสำเร็จสมประสงค์ทุกอย่าง เท่ากับการได้สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ จะต้องสวมใส่เมล็ดผลไม้นี้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คือจะต้องร้อยเมล็ดรุทรักษะ ๖ เมล็ด เมล็ดไว้บนหูแทนต่างหูทั้งสองข้าง จำนวน ๑๐๑ เมล็ดจะร้อยใช้แทนสร้อยคอ จำนวน ๑๑ เมล็ดจะสวมไว้รอบแขนที่ซ้ายและขวา , ที่ข้อศอกและที่บั่นเอว ผู้บูชาต่อพระศิวะเทพจะต้องร้อยรุทรักษะสวมเมล็ดกับด้ายสายสิญจน์ของเขา
กฎแห่งพระเวทย์การสวมใส่เมล็ดรุทรากษะในแต่ละวรรณะ
ตามกฎแห่งพระเวทย์ที่ได้รับวางไว้ คือ เมล็ดรุทรักษะสีขาวสำหรับพราหมณ์ สีแดงสำหรับวรรณะกษัตริย์ สีเหลืองสำหรับวรรณะไวศยะ และเมล็ดสีดำสำหรับคนในวรรณ ศูทร
ประชากรแห่งวรรณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงก็สามารถสวมใส่เมล็ดรุทรักษะได้ตามบัญชาของพระศิวะเทพ คนเหล่านั้นผู้เขียน ตรีปุนทร มีการสวมใส่เมล็ดรุทรากษะ
จะไม่ตกสู่นรกแห่งพระยมราชเลย พระยมราชได้มีบัญชาต่อบริวารฑูตของพระองค์ว่า “คนผู้ใดที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ แม้เพียงเมล็ดเดียวไว้บนศีรษะแล้ว มีการเขียน ตริปุนทรไว้บนหน้าผากและมีการท่องสวมมนต์ ๕ พยางค์แล้วจะต้องทำความความเคารพต่อเขาทันที เขาเหล่านี้เป็นบริวารของพระศิวะเทพ และไม่จับกุมหรือทรมานแต่อย่างใด
ตราบนานเท่านานที่สวมใส่เมล็ดรุทรักษะ คนผู้นั้นจะมีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นที่โปรดปรานแห่งเทพเจ้าทั้ง๕ พระองค์ ( พระอาทิตย์ , พระคเนศ , พระแม่ทรุคา , พระรุทรและพระวิษณุเทพ )และเป็นที่ชอบพอรักใคร่ของเทพทั้งหมดด้วย”
คนทั้งหมดที่ได้ใช้เถ้าถ่านและสวมใส่เมล็ดรุทรักษะจะเป็นที่ชื่นชอบของพระศิวะเทพ เป็นผลแห่งความผาสุขร่ำรวย เป็นอิสระจากบาปทั้งปวง และคนผู้ที่ได้สวดมนต์ ๕ พยางค์ ด้วยแล้วนับว่าได้ปฏิบัติอย่างสมบูรณ์แห่งโยคะลัทธิ และนับได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
ลักษณะรุทรักษะและความหมายต่าง ๆ
รุทรักษะ มีหลายลักษณะ หรือเรียกว่า หลายหน้า ถ้าจะอธิบายง่ายๆก็คือ บนผิวเมล็ดที่มีลักษณะกลมนั้นมีเส้นเเบ่งเมล็ดออกเป็นกี่ส่วน ซึ่งเเต่ละลักษณะนั้นตามตำนานเเละความเชื่อของผู้คนจากอารยธรรมทางอินเดียตอนเหนือ เนปาล ภูฎาน เเละธิเบต จากข้อมูลหนังสือ The Mystic Seed ของ K.T. Shubhakaran สรุปได้ดังนี้
๑. หนึ่งหน้า เชื่อว่าเป็นมารดาเเห่งเมล็ดรุทรักษะทั้งปวง นำมาซึ่งความสุขเเละการปกป้องจากบรรดาอันตรายทั้งปวง พระลักษมีจะคอยปกป้องผู้ที่บูชารุทรักษะหนึ่งหน้านี้ เเละทำลายล้างความชั่วร้ายทั้งปวง
๒. สองหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระศิวะ ช่วยเพิ่มพลังสมาธิให้ผู้สวมใส่เเละเกิดสมาธิได้เร็ว
๓. สามหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของเทพอัคนี เเละใช้เพื่อป้องกันโชคร้ายต่างๆ ปลอดจากโรคภัย ปกป้องผู้สวมใส่จากอาวุธ เเคล้วคลาด นำมาซึ่งทรัพย์ เงินทอง
๔. สี่หน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนเเห่งพระพรหม ช่วยชำระจิตรใจให้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดปัญญา
๕. ห้าหน้า เชื่อว่าเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าจะประทานพรเเละความสำเร็จในชีวิตให้เเก่ผู้สวมใส่ ขจัดโรคภัย อีกทั้งยังเชื่อกันว่าหากสวมใส่ สามเมล็ดจะนำมาซึ่งกำไรทางการค้า ธุรกิจ เเละความมั่งคั่ง
๖. หกหน้า เขื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระ Kartikeya ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระพิฆเนศ ผู้ชายใส่มือขวา ผู้หญิงใส่มือซ้าย ช่วยปกป้องนานาประการ
๗. เจ็ดหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของ Sapta Rishis ช่วยให้ผู้สวมใส่ได้รับโชคทรัพย์สิน ความนับถือ เเละความมีอำนาจ ผู้คนยำเกรง
๘. เเปดหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระพิฆเนศ ผู้สวมใส่จะได้รับความสำเร็จ ชีวิตราบรื่น เเละความมีสติปัญญา
๙. เก้าหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนเทพทั้งสามคือ Bhairava Yama เเละ Kapil Muni นิยมสวมใส่มือซ้ายเพื่อความก้าวหน้า เเละความสำเร็จ
๑๐. สิบหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของเทพพระวิษณุ ปกป้องผู้สวมใส่จากอิทธิพลของความชั่วร้ายทั้งปวง
๑๑. สิบเอ็ดหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระอินทร์ นำมาซึ่งความมั่งคั่ง ทรัพย์สินเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว
๑๒. สิบสองหน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของเทพพระวิษณุ พระอาทิตย์จะคอยคุ้มครองผู้สวมใส่ให้ได้ความมั่งคั่งทั้งปวงเเละความราบรื่นของชีวิต
๑๓. สิบสามหน้า เชื่อว่าผู้สวมใส่จะได้รับความสำเร็จในชีวิต เเละได้รับโชคดีตลอดเวลา ปราศจากทุกข์ต่างๆ
๑๔. สิบสี่หน้า เชื่อว่าเป็นตัวเเทนของพระศิวะเเละเทพหนุมาน ช่วยรักษาโรคเเละความทุกข์ต่างๆ
เมล็ดรุทรักษะเชื่อว่าจะเพิ่มพลังงานให้เเก่ผู้สวมใส่ เเละส่งพลังเเม่เหล็กไฟฟ้าด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายผ่อนคลาย ปรับระดับการทำงานของร่างกายให้สมดุลย์ จิตรใจผ่อนคลายเเละเกิดสมาธิได้ง่าย ทางอินเดียตอนเหนือใช้ร่วมกับการรักษาโรคให้เเก่ผู้ป่วยด้วย
คุณสมบัติ
๑. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง จะไม่มีไสยเวทย์ ภูตผี วิญญาณร้าย มารบกวน หรือรังควาญ
๒. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง เมื่อเสียชีวิตลงในขณะที่สวมใส่รุทรักษะจะไม่ต้องได้รับการคร่ากุม หรือจับกุมโดยยมทูต เพื่อไปรับโทษในนรก
๓. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง จะ ทำให้มีเรื่องเสียใจหรือเศร้าหมองน้อยลงเสียน้ำตาน้อยลงและหากเมล็ดรุทรักษะยิ่งมีขนาดเล็กลงเท่าใด ก็จะยิ่งจะทำให้เสียน้ำตาน้อยลงเท่านั้น
๔. ผู้ที่สวมใส่รุทรักษะที่ผ่านพิธีกรรมอย่างถูกต้อง จะสามารถรักษาสุขภาพ ให้ดีและแข็งแรงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรค ที่ ทางการแพทย์ไม่สามารถหาสาเหตุพบ หรือ ผู้ที่เป็นโรคร้ายแรงไม่สามารถรักษาให้หายได้
จากหยดน้ำตาที่ไหลออกมาได้เกิดเป็นต้นรุทรักษะขึ้น” ต้นไม้เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เคลื่อนที่ไม่ได้ และได้ออกลูกมาเป็นจำนวนมาก ต้นไม้เหล่านี้ได้เจริญในดินแดน เกาฑะ , มธุรา , ลังกา , อโยธยา, มลัย , ภูเขา , สหยะ , แคว้นกาศีและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ มันสามารถจะทำลายบาปให้ หมดไปได้ แก้ไขข้อมูลเมื่อ 27 Sep 20 09:15