ชื่อสินค้า:
ต้นรางแดง
รหัส:
316476
ประเภท:
ราคา:
200.00 บาท
/ต้น
ติดต่อ:
คุณปุณณภา งานสำเร็จ
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์
เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 1 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ต้นรางแดง เครือเขาแกลบ สมุนไพรแก้ปวด ลดความดันโลหิต
ร้านวรากรสมุนไพร ขายต้นสมุนไพร ว่านมงคลและพันธุ์ไม้ไทยหายากทุกชนิด
ชื่อต้นไม้หรือสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ เจ็ดกำลังช้างสาร
ประเภท สมุนไพร ไม้หายาก
ราคา ต้นละ 200 บาท
ติดต่อสอบถามร้านวรากรสมุนไพร
โทร 0616498997,0616499298
ไอดีไลน์ herbsddd
http://line.me/ti/p/~herbsddd
ต้องการมาดูสินค้าโทรนัดหมายล่วงหน้านะคะ
รางแดง เครือเขาแกบ…พญาดาบหัก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ventilago denticulate Willd.
ชื่อวงศ์ RHAMNACEAE
ชื่ออื่นๆ รางแดง(กลาง) เถาวัลย์เหล็ก(สระบุรี) ซอแพะแหล่โม(กะเหรี่ยง) เห่าดำ ก้องแกบ ฮ่องหนัง(เลย) ปอกแกลบ(บุรีรัมย์) กะเลียงแดง(ชลบุรี) ทรงแดง(ใต้) โกร่งเคอ
ลักษณะทั่วไป ไม้เถากึ่งไม้พุ่ม ลำต้นเมื่อยังอ่อนรูปทรงกระบอก เมื่อแก่จะแตกเป็นสีแดง ใบออกเดี่ยวเรียงตัวแบบสลับตรงกันข้าม ดอกออกเป็นช่อจากง่ามใบใกล้ยอด สีเขียวอมขาว ผลรูปร่างกลมปลายแผ่เป็นครีบคล้ายปีก แข็งภายในมีเมล็ด ๑-๒ เมล็ด
การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด กิ่งชำ กิ่งตอน
เครือเขาแกบ ยากำลังแต่ครั้ง…ก่อนหนองแส
เครือเขาแกลบเป็นสมุนไพรที่ใครเห็นเถาของเขาครั้งเดียวก็จำได้ เนื่องจากเถาจะแตกระแหงเป็นร่องสีแดง ก่อเกิดเป็นลวดลายสวยงาม ด้วยความที่เถามีความเหนียว แข็งแรงและสีสันที่ร้อนแรง ทำให้ดูทรงพลังยิ่งนัก ซึ่งทำให้เครือเขาแกบมีชื่ออื่นๆ อีก เช่น รางแดง เถาวัลย์เหล็ก เป็นต้น เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรไม้ป่าตัวแรกๆ ที่จำได้ตั้งแต่เริ่มเดินป่ากับหมอยาเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน เพราะเป็นตัวที่พ่อหมอทุกคนใช้ในสรรพคุณเดียวกัน เป็นสมุนไพรที่หมอยาทุกภาคทั้งภาคกลาง อีสาน เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ต่างก็รู้จักสรรพคุณของรางแดงว่า เป็นยาสมุนไพรในทางบำรุงเอ็น แก้กษัย บำรุงกำลังทั้งสิ้น
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ หมอยาในตระกูลไต ทั้งไทยใหญ่ ไทยน้อย ลาว ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกประเทศไทย ต่างเรียกชื่อสมุนไพรชนิดนี้ในชื่อเดียวกันคือ เครือเขาแกบ หรือ ก้องแกบ จึงเป็นไปได้ว่า คนในตระกูลไตใช้เครือเขาแกบเป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่เริ่มต้นเผ่าพันธุ์ ก่อนที่จะอพยพแยกย้ายกระจายกันไปหลายที่ ทั้งเข้าไปในแคว้นอัสสัม หรือไทยน้อยอย่างเราที่ลงใต้มาอยู่ที่สุวรรณภูมิ
ส่วนที่มาของชื่อเครือเขาแกบนี้ พ่อประเดิม ส่างเสน หมอยาไทยใหญ่ ตำบลแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ บอกกับเราว่าใบของมันเวลาเอามาผิงไฟมีกลิ่นคล้ายแกลบข้าว
ยาบำรุงกำลัง แก้กษัย ไตพิการ ของคนภาคกลาง
เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรที่ ตาส่วน สีมะพริก และ พ่อเม่าหรือพ่อบุญมี ได้ฤกษ์ นำมาใช้ต้มกินแก้ปวดเมื่อย แก้เอ็นทั้งต้มกินเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับสมุนไพรบำรุงกำลังอื่นๆ เช่น เถาวัลย์เปรียง ทั้งสองท่านเล่าว่า ปู่ย่าตายายก็ต้มกินกันมาอย่างนี้ ผู้ชายจะนิยมกินเครือเขาแกบมากกว่าผู้หญิง เพราะทำงานหนัก และเป็นงานที่ใช้แรงงาน ต้องการสมุนไพรมาช่วยบำรุงกำลัง แก้กษัย แก้ปวดเมื่อย บำรุงไต ซึ่งความเชื่อของหมอยาพื้นบ้านสำหรับผู้ชายแล้วความแข็งแรงจะอยู่ที่ไต รางแดงจึงเป็นสมุนไพรที่ใช้แก้กษัยไตพิการตัวหนึ่ง
ลุงเฉลา คมคาย หมอยาพื้นบ้านแห่งบ้านดงกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี ผู้ยังใช้ชีวิตเกี่ยวพันกับการใช้สมุนไพรพื้นบ้านอยู่ เป็นผู้หนึ่งที่ยืนยันว่า เครือเขาแกบนั้นกินกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ลุงเหลาเรียกเครือเขาแกบว่า รางแดง โดยนิยมใช้ส่วนรากของต้นรางแดง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นส่วนที่มีสรรพคุณดีที่สุด โดยเฉพาะส่วนปลายของราก ซึ่งเมื่อขุดขึ้นมาจะพบรากเป็นสีดำ รากที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๕-๒ เซนติเมตร จะใช้ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ต่อเหล้า ๑ ขวด แต่ถ้ารากมีขนาดใหญ่มาก จะใช้โดยลดความยาวลงมา
ลุงเหลาบอกว่า ประโยชน์ของยาดองตำรับนี้คือ ใช้รับประทานแก้ปวดหลังปวดเอว บำรุงร่างกาย ถ้าหารากไม่ได้ จะใช้เถาแทนก็ได้ แต่สรรพคุณจะไม่ดีเท่าราก รางแดงสามารถดองรวมกับสมุนไพรบำรุงกำลังอื่น ๆ ได้ ลุงเหลานิยมดองรากรางแดงรวมกับรากคัดเค้า ในสัดส่วน ๑ : ๑ หากเพิ่มรากคัดเค้าก็ต้องลดปริมาณรางแดงลง หรือเพิ่มปริมาณเหล้าให้มากขึ้น
ลุงเหลามีวิธีการขุดรากรางแดงมาใช้อย่างยั่งยืน โดยขุดจากโคนออกไปหาปลายราก ยิ่งใกล้ส่วนปลายยิ่งมีฤทธิ์แรง เมื่อจะตัดรากจะไม่ตัดติดลำต้น แต่จะตัดให้ห่างออกมาประมาณ ๓๐ เซนติเมตร เพื่อป้องกันต้นตาย
นอกจากนี้ ใบก็สามารถนำมาใช้เป็นชาชงแก้ปวดหลังปวดเอวได้เช่นกัน โดยนำใบเพสลาดมาตากให้แห้ง นำมาชงน้ำร้อนรับประทานครั้งละ ๔-๕ ใบ
โกร่งเคอ ขอบคุณเจดีย์ ของคนปกาเกอะญอ
หมอโจป่อง หมอยากะเหรี่ยงฤๅษีที่หมู่บ้านทิบาเก ในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันออก เป็นผู้หนึ่งที่ยืนยันความยิ่งใหญ่ของเครือเขาแกบ หมอโจป่องเรียกเครือเขาแกบว่า โกร่งเคอ ถ้าจะแปลความหมายให้เป็นภาษาไทย โกร่ง หมายถึง เจดีย์ ส่วน เคอ หมายถึง ขอบคุณ เครือเขาแกบจึงมีความหมายว่า ขอบคุณเจดีย์ ดังนั้นชื่อของเครือเขาแกบเป็นชื่อที่มีความหมายมาก เพราะการทำบุญ(ไหว้เจดีย์)ของคนปกาเกอะญอถือว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง เมื่อนำมาใช้เรียกชื่อสมุนไพรย่อมแสดงว่าสมุนไพรชนิดนั้นมีความสำคัญต่อคนปกาเกอะญอมาก ซึ่งหมอโจป่องแนะนำให้ใช้ใบของเครือเขาแกบปิ้งไฟแล้วชงน้ำกิน เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
หมอยาปกาเกอะญออีกท่านหนึ่งที่ยืนยันสรรพคุณของเครือเขาแกบคือ ป้าชีรา กติกาพืชทรัพย์ แห่งสถานีอนามัยห้วยน้ำขาว อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งแรกที่พบกัน ป้าชีราไม่ยอมบอกตำรับที่เกี่ยวกับเครือเขาแกบเลย เพราะท่านถือว่าตำรับนี้เป็นตำรับสูงสุดของท่านที่จะไม่ยอมบอกใครง่ายๆ เมื่อสนิทสนมคุ้นเคยกันดีแล้ว ท่านจึงพาไปดูสมุนไพรตัวสำคัญซึ่งก็คือเครือเขาแกบนั่นเอง โดยท่านใช้เถาต้มกินแก้ปวดเมื่อย บำรุงกำลัง
ยาอายุวัฒนะของพระกรรมฐานและคนอีสานทั่วไป
พ่อหมอสุนทร พรมมหาราช หมอยาของอำเภอภูหอ จังหวัดเลย เล่าให้ฟังว่า จากการที่ท่านมีโอกาสได้พบพระเกจิอาจารย์ในยุคหลวงปู่มั่น ตำรับยาที่ท่านฉันเป็นยาอายุวัฒนะอยู่เสมอคือ เครือเขาแกบดองน้ำผึ้ง โดยจะนำเครือเขาแกบมาตัดเป็นท่อน แล้วผ่าใส่ขวดโหลหมักกับน้ำผึ้ง นอกจากนี้ ยาบำรุงในตำรับหลวงปู่มั่นยังมีอีก เช่น รากตำยาน เครือเขาแกบ รากพังคี เนื้อไม้หรือรากกะเพราต้น ใบมะเม่า ใบส่องฟ้า ต้มกินเป็นยาอายุวัฒนะ
ส่วนของคนอีสานจะใช้เครือเขาแกบเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเอ็น โดยเรียกเครือเขาแกบว่า ยาพญาดาบหัก คือกินแล้วจะเเข็งแรงมากสามารถต่อสู้ศัตรูจนกระทั่งดาบหัก วิธีการใช้เครือเขาแกบของหมอยาอีสานมีทั้งใช้เถาต้มกิน หรือใบชงชา อาจจะใช้ตัวเดียวต้มเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ เพื่อบำรุงกำลัง แก้เส้น แก้เอ็น เจ็บหลังเจ็บเอว เจ็บแข้ง เจ็บขา แต่ที่นิยมกันมากที่สุดคือ การดองเหล้า ยาดองรากเครือเขาแกบหรือรางแดงนี้จะได้น้ำสีแดงดุจเดียวกับสีของเถานั่นเอง
ยาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บของคนไทยใหญ่
สำหรับหมอยาไทยใหญ่ มีการใช้เครือเขาแกบเป็นยาในลักษณะเดียวกับหมอยาในที่อื่นๆ โดยใช้ใบปิ้งไฟชงน้ำร้อนกินแทนน้ำชา เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อย เจ็บหลังเจ็บเอว แก้อ่อนเพลีย และยังใช้เป็นยาล้างไตโดยใช้ใบชงใส่น้ำร้อน หรือเอารากหรือเถามาหั่นตากแห้งต้มกินก็ได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการกินเครือเขาแกบเป็นประจำจะบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด ทำให้เจริญอาหาร
เครือเขาแกบกับการรักษาโรคสมัยใหม่
ข้อมูลการศึกษาวิจัยของเครือเขาแกบมีน้อยมากทั้งในไทยและในต่างประเทศ ที่น่าสนใจคือ ประมาณ พ.ศ.๒๕๔๘ มีรายงานการศึกษาวิจัยการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ phosphodiesterase โดยคัดเลือกสมุนไพรไทยที่หมอยาพื้นบ้านใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดและยาบำรุงสมอง ๑๙ ชนิด พบว่ามีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ดังกล่าวอยู่ ๗ ชนิด หนึ่งในนั้นก็คือ เครือเขาแกบ
เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรที่ตกทอดมาจากต้นตระกูลชนชาติไทย ซึ่งปู่ย่าตายายได้ใช้อย่างยั่งยืนและสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย เหลือแต่เพียงว่าคนรุ่นเราจะฟื้นฟูและส่งต่อให้ลูกหลานไทยต่อไปได้หรือไม่
น่ารู้
• เอนไซม์ phosphodiesterase เป็นเอนไซม์ จะทำหน้าที่ย่อยสลาย cyclic CMP และ cyclic GMP ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้ควบคุมกลไกการทำงานในระดับเซล โดยเกี่ยวข้องกับระบบของร่างกายหลายระบบ เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ การคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ การแข็งตัวของอวัยวะเพศ ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ปัจจุบันมีความพยายามในการพัฒนายาใหม่โดยมุ่งหาสารที่จะไปยับยั้งเอ็นไซม์ตัวนี้ เช่น ไวอากร้า ยารักษาอาการนกเขาไม่ขัน กลไกของยาดังกล่าว คือการยับยั้งเอ็นไซม์ phosphodiesterase type5 ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสลาย cyclic GMP มีผลให้สารนี้คั่งและขยายเส้นเลือด ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้มีมากที่บริเวณอวัยวะเพศชาย เป็นผลทำให้หลอดเลือดขยายได้ดีขึ้น
ตัวอย่างตำรับยา
ตำรับยาแก้ปวดเมื่อย
เครือเขาแกบ ประมาณ ๑ ขีด ยาหัว ๑ ขีด อ้อยดำ ๑ ขีด ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มจนเดือดประมาณ ๑๕ นาที ต้มกินครั้งละ ๑ แก้ววันละ ๓ เวลา
ตำรับยาดองอายุวัฒนะ
เครือเขาแกบ ๑ ขีด เหล้าประมาณ ๒๐๐ มิลลิลิตร น้ำผึ้ง ๒๐๐ มิลลิลิตร ดองไว้ ๑๕ วัน กินครั้งละ ๓๐ มิลลิลิตร วันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น
[ ๑ มิลลิลิตร = ๑ ซีซี] แก้ไขข้อมูลเมื่อ 13 Apr 23 07:33
ร้านวรากรสมุนไพร ขายต้นสมุนไพร ว่านมงคลและพันธุ์ไม้ไทยหายากทุกชนิด
ชื่อต้นไม้หรือสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ เจ็ดกำลังช้างสาร
ประเภท สมุนไพร ไม้หายาก
ราคา ต้นละ 200 บาท
ติดต่อสอบถามร้านวรากรสมุนไพร
โทร 0616498997,0616499298
ไอดีไลน์ herbsddd
http://line.me/ti/p/~herbsddd
ต้องการมาดูสินค้าโทรนัดหมายล่วงหน้านะคะ
รางแดง เครือเขาแกบ…พญาดาบหัก
ชื่อวิทยาศาสตร์ Ventilago denticulate Willd.
ชื่อวงศ์ RHAMNACEAE
ชื่ออื่นๆ รางแดง(กลาง) เถาวัลย์เหล็ก(สระบุรี) ซอแพะแหล่โม(กะเหรี่ยง) เห่าดำ ก้องแกบ ฮ่องหนัง(เลย) ปอกแกลบ(บุรีรัมย์) กะเลียงแดง(ชลบุรี) ทรงแดง(ใต้) โกร่งเคอ
ลักษณะทั่วไป ไม้เถากึ่งไม้พุ่ม ลำต้นเมื่อยังอ่อนรูปทรงกระบอก เมื่อแก่จะแตกเป็นสีแดง ใบออกเดี่ยวเรียงตัวแบบสลับตรงกันข้าม ดอกออกเป็นช่อจากง่ามใบใกล้ยอด สีเขียวอมขาว ผลรูปร่างกลมปลายแผ่เป็นครีบคล้ายปีก แข็งภายในมีเมล็ด ๑-๒ เมล็ด
การขยายพันธุ์ ใช้เมล็ด กิ่งชำ กิ่งตอน
เครือเขาแกบ ยากำลังแต่ครั้ง…ก่อนหนองแส
เครือเขาแกลบเป็นสมุนไพรที่ใครเห็นเถาของเขาครั้งเดียวก็จำได้ เนื่องจากเถาจะแตกระแหงเป็นร่องสีแดง ก่อเกิดเป็นลวดลายสวยงาม ด้วยความที่เถามีความเหนียว แข็งแรงและสีสันที่ร้อนแรง ทำให้ดูทรงพลังยิ่งนัก ซึ่งทำให้เครือเขาแกบมีชื่ออื่นๆ อีก เช่น รางแดง เถาวัลย์เหล็ก เป็นต้น เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรไม้ป่าตัวแรกๆ ที่จำได้ตั้งแต่เริ่มเดินป่ากับหมอยาเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน เพราะเป็นตัวที่พ่อหมอทุกคนใช้ในสรรพคุณเดียวกัน เป็นสมุนไพรที่หมอยาทุกภาคทั้งภาคกลาง อีสาน เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ต่างก็รู้จักสรรพคุณของรางแดงว่า เป็นยาสมุนไพรในทางบำรุงเอ็น แก้กษัย บำรุงกำลังทั้งสิ้น
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ หมอยาในตระกูลไต ทั้งไทยใหญ่ ไทยน้อย ลาว ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกประเทศไทย ต่างเรียกชื่อสมุนไพรชนิดนี้ในชื่อเดียวกันคือ เครือเขาแกบ หรือ ก้องแกบ จึงเป็นไปได้ว่า คนในตระกูลไตใช้เครือเขาแกบเป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่เริ่มต้นเผ่าพันธุ์ ก่อนที่จะอพยพแยกย้ายกระจายกันไปหลายที่ ทั้งเข้าไปในแคว้นอัสสัม หรือไทยน้อยอย่างเราที่ลงใต้มาอยู่ที่สุวรรณภูมิ
ส่วนที่มาของชื่อเครือเขาแกบนี้ พ่อประเดิม ส่างเสน หมอยาไทยใหญ่ ตำบลแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ บอกกับเราว่าใบของมันเวลาเอามาผิงไฟมีกลิ่นคล้ายแกลบข้าว
ยาบำรุงกำลัง แก้กษัย ไตพิการ ของคนภาคกลาง
เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรที่ ตาส่วน สีมะพริก และ พ่อเม่าหรือพ่อบุญมี ได้ฤกษ์ นำมาใช้ต้มกินแก้ปวดเมื่อย แก้เอ็นทั้งต้มกินเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับสมุนไพรบำรุงกำลังอื่นๆ เช่น เถาวัลย์เปรียง ทั้งสองท่านเล่าว่า ปู่ย่าตายายก็ต้มกินกันมาอย่างนี้ ผู้ชายจะนิยมกินเครือเขาแกบมากกว่าผู้หญิง เพราะทำงานหนัก และเป็นงานที่ใช้แรงงาน ต้องการสมุนไพรมาช่วยบำรุงกำลัง แก้กษัย แก้ปวดเมื่อย บำรุงไต ซึ่งความเชื่อของหมอยาพื้นบ้านสำหรับผู้ชายแล้วความแข็งแรงจะอยู่ที่ไต รางแดงจึงเป็นสมุนไพรที่ใช้แก้กษัยไตพิการตัวหนึ่ง
ลุงเฉลา คมคาย หมอยาพื้นบ้านแห่งบ้านดงกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี ผู้ยังใช้ชีวิตเกี่ยวพันกับการใช้สมุนไพรพื้นบ้านอยู่ เป็นผู้หนึ่งที่ยืนยันว่า เครือเขาแกบนั้นกินกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ลุงเหลาเรียกเครือเขาแกบว่า รางแดง โดยนิยมใช้ส่วนรากของต้นรางแดง เนื่องจากเชื่อว่าเป็นส่วนที่มีสรรพคุณดีที่สุด โดยเฉพาะส่วนปลายของราก ซึ่งเมื่อขุดขึ้นมาจะพบรากเป็นสีดำ รากที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๕-๒ เซนติเมตร จะใช้ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ต่อเหล้า ๑ ขวด แต่ถ้ารากมีขนาดใหญ่มาก จะใช้โดยลดความยาวลงมา
ลุงเหลาบอกว่า ประโยชน์ของยาดองตำรับนี้คือ ใช้รับประทานแก้ปวดหลังปวดเอว บำรุงร่างกาย ถ้าหารากไม่ได้ จะใช้เถาแทนก็ได้ แต่สรรพคุณจะไม่ดีเท่าราก รางแดงสามารถดองรวมกับสมุนไพรบำรุงกำลังอื่น ๆ ได้ ลุงเหลานิยมดองรากรางแดงรวมกับรากคัดเค้า ในสัดส่วน ๑ : ๑ หากเพิ่มรากคัดเค้าก็ต้องลดปริมาณรางแดงลง หรือเพิ่มปริมาณเหล้าให้มากขึ้น
ลุงเหลามีวิธีการขุดรากรางแดงมาใช้อย่างยั่งยืน โดยขุดจากโคนออกไปหาปลายราก ยิ่งใกล้ส่วนปลายยิ่งมีฤทธิ์แรง เมื่อจะตัดรากจะไม่ตัดติดลำต้น แต่จะตัดให้ห่างออกมาประมาณ ๓๐ เซนติเมตร เพื่อป้องกันต้นตาย
นอกจากนี้ ใบก็สามารถนำมาใช้เป็นชาชงแก้ปวดหลังปวดเอวได้เช่นกัน โดยนำใบเพสลาดมาตากให้แห้ง นำมาชงน้ำร้อนรับประทานครั้งละ ๔-๕ ใบ
โกร่งเคอ ขอบคุณเจดีย์ ของคนปกาเกอะญอ
หมอโจป่อง หมอยากะเหรี่ยงฤๅษีที่หมู่บ้านทิบาเก ในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันออก เป็นผู้หนึ่งที่ยืนยันความยิ่งใหญ่ของเครือเขาแกบ หมอโจป่องเรียกเครือเขาแกบว่า โกร่งเคอ ถ้าจะแปลความหมายให้เป็นภาษาไทย โกร่ง หมายถึง เจดีย์ ส่วน เคอ หมายถึง ขอบคุณ เครือเขาแกบจึงมีความหมายว่า ขอบคุณเจดีย์ ดังนั้นชื่อของเครือเขาแกบเป็นชื่อที่มีความหมายมาก เพราะการทำบุญ(ไหว้เจดีย์)ของคนปกาเกอะญอถือว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง เมื่อนำมาใช้เรียกชื่อสมุนไพรย่อมแสดงว่าสมุนไพรชนิดนั้นมีความสำคัญต่อคนปกาเกอะญอมาก ซึ่งหมอโจป่องแนะนำให้ใช้ใบของเครือเขาแกบปิ้งไฟแล้วชงน้ำกิน เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
หมอยาปกาเกอะญออีกท่านหนึ่งที่ยืนยันสรรพคุณของเครือเขาแกบคือ ป้าชีรา กติกาพืชทรัพย์ แห่งสถานีอนามัยห้วยน้ำขาว อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในครั้งแรกที่พบกัน ป้าชีราไม่ยอมบอกตำรับที่เกี่ยวกับเครือเขาแกบเลย เพราะท่านถือว่าตำรับนี้เป็นตำรับสูงสุดของท่านที่จะไม่ยอมบอกใครง่ายๆ เมื่อสนิทสนมคุ้นเคยกันดีแล้ว ท่านจึงพาไปดูสมุนไพรตัวสำคัญซึ่งก็คือเครือเขาแกบนั่นเอง โดยท่านใช้เถาต้มกินแก้ปวดเมื่อย บำรุงกำลัง
ยาอายุวัฒนะของพระกรรมฐานและคนอีสานทั่วไป
พ่อหมอสุนทร พรมมหาราช หมอยาของอำเภอภูหอ จังหวัดเลย เล่าให้ฟังว่า จากการที่ท่านมีโอกาสได้พบพระเกจิอาจารย์ในยุคหลวงปู่มั่น ตำรับยาที่ท่านฉันเป็นยาอายุวัฒนะอยู่เสมอคือ เครือเขาแกบดองน้ำผึ้ง โดยจะนำเครือเขาแกบมาตัดเป็นท่อน แล้วผ่าใส่ขวดโหลหมักกับน้ำผึ้ง นอกจากนี้ ยาบำรุงในตำรับหลวงปู่มั่นยังมีอีก เช่น รากตำยาน เครือเขาแกบ รากพังคี เนื้อไม้หรือรากกะเพราต้น ใบมะเม่า ใบส่องฟ้า ต้มกินเป็นยาอายุวัฒนะ
ส่วนของคนอีสานจะใช้เครือเขาแกบเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเอ็น โดยเรียกเครือเขาแกบว่า ยาพญาดาบหัก คือกินแล้วจะเเข็งแรงมากสามารถต่อสู้ศัตรูจนกระทั่งดาบหัก วิธีการใช้เครือเขาแกบของหมอยาอีสานมีทั้งใช้เถาต้มกิน หรือใบชงชา อาจจะใช้ตัวเดียวต้มเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ เพื่อบำรุงกำลัง แก้เส้น แก้เอ็น เจ็บหลังเจ็บเอว เจ็บแข้ง เจ็บขา แต่ที่นิยมกันมากที่สุดคือ การดองเหล้า ยาดองรากเครือเขาแกบหรือรางแดงนี้จะได้น้ำสีแดงดุจเดียวกับสีของเถานั่นเอง
ยาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บของคนไทยใหญ่
สำหรับหมอยาไทยใหญ่ มีการใช้เครือเขาแกบเป็นยาในลักษณะเดียวกับหมอยาในที่อื่นๆ โดยใช้ใบปิ้งไฟชงน้ำร้อนกินแทนน้ำชา เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อย เจ็บหลังเจ็บเอว แก้อ่อนเพลีย และยังใช้เป็นยาล้างไตโดยใช้ใบชงใส่น้ำร้อน หรือเอารากหรือเถามาหั่นตากแห้งต้มกินก็ได้ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการกินเครือเขาแกบเป็นประจำจะบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด ทำให้เจริญอาหาร
เครือเขาแกบกับการรักษาโรคสมัยใหม่
ข้อมูลการศึกษาวิจัยของเครือเขาแกบมีน้อยมากทั้งในไทยและในต่างประเทศ ที่น่าสนใจคือ ประมาณ พ.ศ.๒๕๔๘ มีรายงานการศึกษาวิจัยการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ phosphodiesterase โดยคัดเลือกสมุนไพรไทยที่หมอยาพื้นบ้านใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดและยาบำรุงสมอง ๑๙ ชนิด พบว่ามีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ดังกล่าวอยู่ ๗ ชนิด หนึ่งในนั้นก็คือ เครือเขาแกบ
เครือเขาแกบเป็นสมุนไพรที่ตกทอดมาจากต้นตระกูลชนชาติไทย ซึ่งปู่ย่าตายายได้ใช้อย่างยั่งยืนและสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย เหลือแต่เพียงว่าคนรุ่นเราจะฟื้นฟูและส่งต่อให้ลูกหลานไทยต่อไปได้หรือไม่
น่ารู้
• เอนไซม์ phosphodiesterase เป็นเอนไซม์ จะทำหน้าที่ย่อยสลาย cyclic CMP และ cyclic GMP ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้ควบคุมกลไกการทำงานในระดับเซล โดยเกี่ยวข้องกับระบบของร่างกายหลายระบบ เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ การคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ การแข็งตัวของอวัยวะเพศ ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ปัจจุบันมีความพยายามในการพัฒนายาใหม่โดยมุ่งหาสารที่จะไปยับยั้งเอ็นไซม์ตัวนี้ เช่น ไวอากร้า ยารักษาอาการนกเขาไม่ขัน กลไกของยาดังกล่าว คือการยับยั้งเอ็นไซม์ phosphodiesterase type5 ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสลาย cyclic GMP มีผลให้สารนี้คั่งและขยายเส้นเลือด ซึ่งเอนไซม์ชนิดนี้มีมากที่บริเวณอวัยวะเพศชาย เป็นผลทำให้หลอดเลือดขยายได้ดีขึ้น
ตัวอย่างตำรับยา
ตำรับยาแก้ปวดเมื่อย
เครือเขาแกบ ประมาณ ๑ ขีด ยาหัว ๑ ขีด อ้อยดำ ๑ ขีด ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มจนเดือดประมาณ ๑๕ นาที ต้มกินครั้งละ ๑ แก้ววันละ ๓ เวลา
ตำรับยาดองอายุวัฒนะ
เครือเขาแกบ ๑ ขีด เหล้าประมาณ ๒๐๐ มิลลิลิตร น้ำผึ้ง ๒๐๐ มิลลิลิตร ดองไว้ ๑๕ วัน กินครั้งละ ๓๐ มิลลิลิตร วันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น
[ ๑ มิลลิลิตร = ๑ ซีซี] แก้ไขข้อมูลเมื่อ 13 Apr 23 07:33
คำสำคัญ:
รางแดง
พันธุ์ไม้หายาก