ชื่อสินค้า:
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์พร้อมเพาะจำนวนมาก
รหัส:
304530
ประเภท:
ราคา:
5.00 บาท
ติดต่อ:
คุณอังศรา ไพฑูรย์
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์
เปิดร้านมาแล้ว 7 ปี 7 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
เมล็ดละ5ต้นกล้าสูง80-90เซ็นต์150สนใจโทร0876069955 ไอดีไลน์ aungsara09 ขายเมล็ดพร้อมเพาะและต้นกล้ามะม่วงหิมพานต์สนใจโทร0876069955ไอดีไลน์ aungsara09จัดส่งทั่วประเทศ #เมล็ดมะม่วงหิมพานต์นิยมนำมารับประทานเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของประเทศอินเดีย เวียดนาม และบราซิลอีกด้วย (90% ของการส่งออกทั่วโลกมาจากสามประเทศนี้)
ผลของมะม่วงหิมพานต์มีเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ทั้งผลดิบและผลสุก
ผลห่ามของมะม่วงหิมพานต์ ทางภาคใต้ของไทยนิยมนำใช้ทำแกงส้มหรือใช้ยำ
มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์ผลดิบใช้รับประทานร่วมกับเกลือเป็นของกินเล่นได้
ผลสุกสามารถนำไปหมักทำไวน์ ทำน้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆได้ หรือใช้หมักเพื่อทำน้ำหมักชีวภาพ ทำยาฆ่าหญ้า ปุ๋ยน้ำบำรุงดิน
เมล็ดสามารถนำไปประกอบอาหารได้ เมนูเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แหนมผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เต้าหู้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมจีนผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
ใบอ่อน ยอดอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือแกงเผ็ด ลาบ ก้อย ขนมจีนน้ำยาได้
ใบแก่สามารถนำมาขยี้และใช้สีฟันได้
ไม้จากลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนและมีขนาดเล็ก มันจึงเหมาะที่จะนำไปใช้ทำลังไม้ หรือหีบใส่ของ ทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ต่อเรือ ใช้ทำเรือเอก แอกเทียม วัวเทียมควายเทียม คุมล้อเกวียน และยังนำไปทำเป็นฟืนและถ่านได้อีกด้วย
ยางจากเปลือกของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ควาญช้างในประเทศอินเดียนำมาใช้เพื่อคุมช้างให้เชื่องได้
ยางจากลำต้น สามารถนำมาใช้ทาบ้านกันปลวกได้
เปลือกต้นหรือเปลือกเมล็ด มีประโยชน์หลายอย่างในด้านของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สามารถนำไปทำเป็นผ้าเบรค และแผ่นคลัชได้ ซึ่งจะมีคุณสมบัติทนความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดได้สูง หรือนำมาใช้ทำฉนวนป้องกันไฟฟ้าแมกนิเตอร์เมเตอร์ ใช้ทำน้ำประสานในการบัดกรีโลหะ น้ำมันชักเงาสำหรับใช้ในเครื่องบิน ใช้ผสมทำน้ำหมึก ทำหมึกประทับตราผ้า ทำเป็นลูกกลิ้งยางพิมพ์ดีด ทำกาว ใช้ย้อมอวนทนทาน ผลิตภัณฑ์ปูพื้น ใช้ผสมปูนซีเมนต์ทำให้เหนียวขึ้น ใช้กำจัดตัวอ่อนของยุงด้วยการผสมกับพาราฟินเหลว ผลิตภัณฑ์ทาไม้ป้องกันปลวก ยาฆ่าแมลงและปลวก เป็นต้น
เยื่อหุ้มเมล็ดถ้ามีปริมาณมาก อาจใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแทนนิน ที่ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังได้
ประโยชน์ของเปลือกเมล็ดสกัดเป็นน้ำมัน ในด้านการแพทย์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเหน็บชา วัณโรค โรคเท้าช้าง โรคเลือดคั่ง โรคเรื้อน โรคผิวหนัง หูด ตาปลา และส้นเท้าแตกได้
ประโยชน์ของเปลือกเมล็ด ก็สามารถใช้ประโยชน์ในด้านความงามได้ เช่น ใช้ลอกหน้าที่เกิดจากการตกกระ (แต่อาจส่งผลเสียได้) เป็นต้น
ผลของมะม่วงหิมพานต์มีกลิ่นต่าง ๆ ถึง 20 กลิ่น จึงสามารถนำมาสกัดทำเป็นหัวน้ำหอมได้
ผลนอกจากใช้รับประทานเป็นผลไม้ ยังสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ของ โค กระบือ ได้อีกด้วย
ผลสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น แยม ผลไม้กวน เครื่องดื่ม น้ำมะม่วงหิมพานต์ ไวน์ น้ำส้มสายชู เป็นต้น
เมล็ดสามารถนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว อบเนย อบน้ำผึ้ง เป็นต้น
#คำแนะนำในการรับประทาน
เม็ดมะม่วงมะม่วงหิมพานต์จะมีน้ำมันมากและให้พลังงานสูง ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือครั้งหนึ่งไม่เกิน 10 เม็ด (แต่ถ้าอยากรู้ว่าพลังงานเยอะแค่ไหน ลองใช้ไฟจุดดู จะเห็นไฟลุกเป็นเปลว และยิ่งนำไปอบหรือทอดเนยก็จะมีพลังงานมากขึ้นไปอีก)
ใช่ว่าถั่วลิสงจะเป็นถั่วที่มีสารอะฟลาทอกซินอย่างเดียว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ก็อาจมีปนเปื้อนด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกบริโภคเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่สะอาด ปิดมิดชิด ไม่เก็บไว้นาน มีเลขทะเบียน อย. ที่ถูกต้อง หรือผ่านการผลิตด้วยระบบ GMP/HACCP
สำหรับบางรายที่รับประทานเม็ดมะม่วงพิมพานต์แล้วเกิดอาการแพ้ โดยมีอาการเช่น มีอาการบวมที่ใบหน้าและคอ มีผดผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง หายใจลำบาก คลื่นไส้อาเจียนหรือท้องเสีย คุณควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
#สรรพคุณของมะม่วงหิมพานต์
แพทย์ในอินเดียใช้เมล็ดเลี้ยงเด็กทารกที่อายุเกิน 6 ขวบ เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้เร็วและแข็งแรง
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วยธาตุทองแดง จึงช่วยบำรุงเส้นผมและผิวหนังได้เป็นอย่างดี
สรรพคุณเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีธาตุแมกนีเซียมในปริมาณมาก จึงช่วยบำรุงสุขภาพเหงือก สุขภาพฟันและกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
การวิจัยในบราซิลและอินเดียพบว่าสารสกัดจากเปลือกต้นและสารสกัดจากส่วนเหนือดินของต้น สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
เมล็ดมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทรวงอกได้
แมกนีเซียมจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
เมล็ดมีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก จึงช่วยในการป้องกันโรคไขมันตับและไม่ให้สะสมในร่างกายมากจนเกินไป จึงไม่ทำให้อ้วน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีแมกนีเซียมสูง โดยแร่ธาตุชนิดจะช่วยในการทำงานของหัวใจ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยป้องอาการหมดเรี่ยวแรงได้เป็นอย่างดี
ช่วยรักษาโรคฟันผุ บรรเทาอาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้ เนื่องจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีกรดอนาร์ดิกที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรคฟันผุได้ แต่อย่างไรก็ดีการแปรงฟันก็ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากกรดชนิดนี้จะออกฤทธิ์เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น (ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
กรดอนาร์ดิกในเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโรคอื่น ๆ ได้ เช่น วัณโรค โรคเรื้อน กำจัดเชื้อโรคที่พบในสิว เป็นต้น (ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
ชาวโบลีเวียเชื่อว่าน้ำจากผลสามารถช่วยกระตุ้นสมองแล้วทำให้มีความจำดีขึ้น (ผล)
ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคประสาทพิการและช่วยแก้โรคปวดตามข้อได้ (ผล)
มะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยลดไข้ (ผล, ใบ)
ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน (ยางจากต้น)
ช่วยแก้อาการปวดฟัน ใช้กลั้วคอล้างปาก (เปลือกต้น)
ใบสดนำมาเผาไฟแล้วสูดดมควันจะช่วยรักษาและบรรเทาอาการไอ อาการเจ็บคอได้ (ใบสด)
ช่วยแก้อาเจียน รักษาแผลในช่องปาก (น้ำจากผล)
ช่วยในการขับเหงื่อ (น้ำจากผล)
เมล็ดนำมาคั่วโรยเกลือรับประทานเป็นยาแก้อาการบวมน้ำได้ (เมล็ดคั่ว)
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยในการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี (เมล็ด)
รากมะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยแก้ท้องร่วงและเป็นยาฝาดสมาน (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง (ยอด, ใบ)
ในบราซิลนิยมนำผลมาทำเป็นไวน์ เพราะเชื่อว่ามันสามารถช่วยรักษาโรคบิดเรื้อรังได้ (ผล)
ใบยอดอ่อนมีสรรพคุณช่วยสมานแผลในลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการของโรคท้องร่วงได้ (ใบ)
น้ำคั้นจากผลใช้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะได้ (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม) (น้ำคั้นจากผล, เมล็ดคั่ว)
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่วได้ (เมล็ด)
ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงได้ (ใบ)
ช่วยต้านกามโรค (น้ำจากผล)
ใช้รักษาโรคผิวหนังพุพองและกามโรคเข้าข้อได้ (เปลือกต้น)
ใช้เป็นยาแก้ปวดเนื่องจากรำมะนาด (เปลือกต้น)
ใช้เป็นยารักษาหูด ด้วยการใช้ยางจากผลสดที่ยังไม่สุก 1 ผล ที่เด็ดออกมาใหม่ ๆ แล้วใช้ยางทาตรงบริเวณที่เป็นหูด ทาเป็นประจำจนกว่าจะหาย (ยางจากผลสด, ยางจากต้น)
ช่วยทำลายตาปลา ช่วยกัดทำลายเนื้อด้านที่เป็นปุ่มโตหรือโรคเท้าแตกได้ ด้วยการใช้ยางจากต้นสดทาบริเวณที่เป็นตาปลาหรือเนื้อด้านบ่อย ๆ จนกว่าจะหาย (ยางจากต้น)
เมล็ดใช้ผสมเป็นยารับประทาน ช่วยแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน โรคเรื้อน ทำให้หนังชา (เมล็ด, น้ำมันจากเมล็ด)
น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณใช้เป็นพิษต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยเฉพาะเชื้อหนองชนิด Staphylococus (การสูดดมน้ำมันชนิดนี้อาจทำให้เกิดการระคายเคือง มีพิษรุนแรง และควรระวังเมื่อต้องใช้กับเด็ก)
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบแก่นำมาบดใส่บริเวณที่เป็นแผล (ใบแก่)
ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์
ประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ดี
ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
เม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยรักษารูปร่างให้สมส่วนได้ เพราะมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดการดูดซึมไขมันได้
การรับประทานถั่วเป็นประจำจะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลงอีกด้วย (ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารพิวรีนน้อยหรือไม่มีเลย. #คุณค่าทางโภชนาการของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 553 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 30.19 กรัม
แป้ง 23.49 กรัมเปลือกต้นมะม่วงหิมพานต์
น้ำตาล 5.91 กรัม
เส้นใย 3.3 กรัม
ไขมัน 43.85 กรัม
กรดไขมันอิ่มตัว 7.78 กรัม
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 23.8 กรัม
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 7.85 กรัม
โปรตีน 18.22 กรัม
น้ำ 5.2 กรัม
วิตามินบี 1 0.42 มิลลิกรัม 37%
วิตามินบี 2 0.6 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี 3 1.06 มิลลิกรัม 7%
วิตามินบี 5 0.86 มิลลิกรัม 17%
วิตามินบี 6 0.42 มิลลิกรัม 32%
วิตามินบี 9 2 แก้ไขข้อมูลเมื่อ 17 Jan 19 10:05
ผลของมะม่วงหิมพานต์มีเนื้อนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยว สามารถรับประทานเป็นผลไม้สดได้ทั้งผลดิบและผลสุก
ผลห่ามของมะม่วงหิมพานต์ ทางภาคใต้ของไทยนิยมนำใช้ทำแกงส้มหรือใช้ยำ
มะม่วงหิมพานต์ ประโยชน์ผลดิบใช้รับประทานร่วมกับเกลือเป็นของกินเล่นได้
ผลสุกสามารถนำไปหมักทำไวน์ ทำน้ำส้มสายชู หรือเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆได้ หรือใช้หมักเพื่อทำน้ำหมักชีวภาพ ทำยาฆ่าหญ้า ปุ๋ยน้ำบำรุงดิน
เมล็ดสามารถนำไปประกอบอาหารได้ เมนูเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แหนมผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เต้าหู้ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมจีนผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
ใบอ่อน ยอดอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือแกงเผ็ด ลาบ ก้อย ขนมจีนน้ำยาได้
ใบแก่สามารถนำมาขยี้และใช้สีฟันได้
ไม้จากลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนและมีขนาดเล็ก มันจึงเหมาะที่จะนำไปใช้ทำลังไม้ หรือหีบใส่ของ ทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ต่อเรือ ใช้ทำเรือเอก แอกเทียม วัวเทียมควายเทียม คุมล้อเกวียน และยังนำไปทำเป็นฟืนและถ่านได้อีกด้วย
ยางจากเปลือกของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ควาญช้างในประเทศอินเดียนำมาใช้เพื่อคุมช้างให้เชื่องได้
ยางจากลำต้น สามารถนำมาใช้ทาบ้านกันปลวกได้
เปลือกต้นหรือเปลือกเมล็ด มีประโยชน์หลายอย่างในด้านของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สามารถนำไปทำเป็นผ้าเบรค และแผ่นคลัชได้ ซึ่งจะมีคุณสมบัติทนความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดได้สูง หรือนำมาใช้ทำฉนวนป้องกันไฟฟ้าแมกนิเตอร์เมเตอร์ ใช้ทำน้ำประสานในการบัดกรีโลหะ น้ำมันชักเงาสำหรับใช้ในเครื่องบิน ใช้ผสมทำน้ำหมึก ทำหมึกประทับตราผ้า ทำเป็นลูกกลิ้งยางพิมพ์ดีด ทำกาว ใช้ย้อมอวนทนทาน ผลิตภัณฑ์ปูพื้น ใช้ผสมปูนซีเมนต์ทำให้เหนียวขึ้น ใช้กำจัดตัวอ่อนของยุงด้วยการผสมกับพาราฟินเหลว ผลิตภัณฑ์ทาไม้ป้องกันปลวก ยาฆ่าแมลงและปลวก เป็นต้น
เยื่อหุ้มเมล็ดถ้ามีปริมาณมาก อาจใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแทนนิน ที่ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังได้
ประโยชน์ของเปลือกเมล็ดสกัดเป็นน้ำมัน ในด้านการแพทย์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเหน็บชา วัณโรค โรคเท้าช้าง โรคเลือดคั่ง โรคเรื้อน โรคผิวหนัง หูด ตาปลา และส้นเท้าแตกได้
ประโยชน์ของเปลือกเมล็ด ก็สามารถใช้ประโยชน์ในด้านความงามได้ เช่น ใช้ลอกหน้าที่เกิดจากการตกกระ (แต่อาจส่งผลเสียได้) เป็นต้น
ผลของมะม่วงหิมพานต์มีกลิ่นต่าง ๆ ถึง 20 กลิ่น จึงสามารถนำมาสกัดทำเป็นหัวน้ำหอมได้
ผลนอกจากใช้รับประทานเป็นผลไม้ ยังสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ของ โค กระบือ ได้อีกด้วย
ผลสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เช่น แยม ผลไม้กวน เครื่องดื่ม น้ำมะม่วงหิมพานต์ ไวน์ น้ำส้มสายชู เป็นต้น
เมล็ดสามารถนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว อบเนย อบน้ำผึ้ง เป็นต้น
#คำแนะนำในการรับประทาน
เม็ดมะม่วงมะม่วงหิมพานต์จะมีน้ำมันมากและให้พลังงานสูง ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือครั้งหนึ่งไม่เกิน 10 เม็ด (แต่ถ้าอยากรู้ว่าพลังงานเยอะแค่ไหน ลองใช้ไฟจุดดู จะเห็นไฟลุกเป็นเปลว และยิ่งนำไปอบหรือทอดเนยก็จะมีพลังงานมากขึ้นไปอีก)
ใช่ว่าถั่วลิสงจะเป็นถั่วที่มีสารอะฟลาทอกซินอย่างเดียว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ก็อาจมีปนเปื้อนด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกบริโภคเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่สะอาด ปิดมิดชิด ไม่เก็บไว้นาน มีเลขทะเบียน อย. ที่ถูกต้อง หรือผ่านการผลิตด้วยระบบ GMP/HACCP
สำหรับบางรายที่รับประทานเม็ดมะม่วงพิมพานต์แล้วเกิดอาการแพ้ โดยมีอาการเช่น มีอาการบวมที่ใบหน้าและคอ มีผดผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง หายใจลำบาก คลื่นไส้อาเจียนหรือท้องเสีย คุณควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
#สรรพคุณของมะม่วงหิมพานต์
แพทย์ในอินเดียใช้เมล็ดเลี้ยงเด็กทารกที่อายุเกิน 6 ขวบ เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้เร็วและแข็งแรง
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อุดมไปด้วยธาตุทองแดง จึงช่วยบำรุงเส้นผมและผิวหนังได้เป็นอย่างดี
สรรพคุณเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีธาตุแมกนีเซียมในปริมาณมาก จึงช่วยบำรุงสุขภาพเหงือก สุขภาพฟันและกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
การวิจัยในบราซิลและอินเดียพบว่าสารสกัดจากเปลือกต้นและสารสกัดจากส่วนเหนือดินของต้น สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
เมล็ดมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับทรวงอกได้
แมกนีเซียมจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
เมล็ดมีกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก จึงช่วยในการป้องกันโรคไขมันตับและไม่ให้สะสมในร่างกายมากจนเกินไป จึงไม่ทำให้อ้วน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีแมกนีเซียมสูง โดยแร่ธาตุชนิดจะช่วยในการทำงานของหัวใจ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยป้องอาการหมดเรี่ยวแรงได้เป็นอย่างดี
ช่วยรักษาโรคฟันผุ บรรเทาอาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้ เนื่องจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีกรดอนาร์ดิกที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรคฟันผุได้ แต่อย่างไรก็ดีการแปรงฟันก็ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากกรดชนิดนี้จะออกฤทธิ์เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น (ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
กรดอนาร์ดิกในเม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโรคอื่น ๆ ได้ เช่น วัณโรค โรคเรื้อน กำจัดเชื้อโรคที่พบในสิว เป็นต้น (ชาร์ลส์ เวเบอร์ นักวิทยาศาสตร์จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา)
ชาวโบลีเวียเชื่อว่าน้ำจากผลสามารถช่วยกระตุ้นสมองแล้วทำให้มีความจำดีขึ้น (ผล)
ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคประสาทพิการและช่วยแก้โรคปวดตามข้อได้ (ผล)
มะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยลดไข้ (ผล, ใบ)
ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน (ยางจากต้น)
ช่วยแก้อาการปวดฟัน ใช้กลั้วคอล้างปาก (เปลือกต้น)
ใบสดนำมาเผาไฟแล้วสูดดมควันจะช่วยรักษาและบรรเทาอาการไอ อาการเจ็บคอได้ (ใบสด)
ช่วยแก้อาเจียน รักษาแผลในช่องปาก (น้ำจากผล)
ช่วยในการขับเหงื่อ (น้ำจากผล)
เมล็ดนำมาคั่วโรยเกลือรับประทานเป็นยาแก้อาการบวมน้ำได้ (เมล็ดคั่ว)
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยในการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี (เมล็ด)
รากมะม่วงหิมพานต์มีสรรพคุณช่วยแก้ท้องร่วงและเป็นยาฝาดสมาน (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง (ยอด, ใบ)
ในบราซิลนิยมนำผลมาทำเป็นไวน์ เพราะเชื่อว่ามันสามารถช่วยรักษาโรคบิดเรื้อรังได้ (ผล)
ใบยอดอ่อนมีสรรพคุณช่วยสมานแผลในลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการของโรคท้องร่วงได้ (ใบ)
น้ำคั้นจากผลใช้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะได้ (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม) (น้ำคั้นจากผล, เมล็ดคั่ว)
การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่วได้ (เมล็ด)
ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงได้ (ใบ)
ช่วยต้านกามโรค (น้ำจากผล)
ใช้รักษาโรคผิวหนังพุพองและกามโรคเข้าข้อได้ (เปลือกต้น)
ใช้เป็นยาแก้ปวดเนื่องจากรำมะนาด (เปลือกต้น)
ใช้เป็นยารักษาหูด ด้วยการใช้ยางจากผลสดที่ยังไม่สุก 1 ผล ที่เด็ดออกมาใหม่ ๆ แล้วใช้ยางทาตรงบริเวณที่เป็นหูด ทาเป็นประจำจนกว่าจะหาย (ยางจากผลสด, ยางจากต้น)
ช่วยทำลายตาปลา ช่วยกัดทำลายเนื้อด้านที่เป็นปุ่มโตหรือโรคเท้าแตกได้ ด้วยการใช้ยางจากต้นสดทาบริเวณที่เป็นตาปลาหรือเนื้อด้านบ่อย ๆ จนกว่าจะหาย (ยางจากต้น)
เมล็ดใช้ผสมเป็นยารับประทาน ช่วยแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน โรคเรื้อน ทำให้หนังชา (เมล็ด, น้ำมันจากเมล็ด)
น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ สรรพคุณใช้เป็นพิษต้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยเฉพาะเชื้อหนองชนิด Staphylococus (การสูดดมน้ำมันชนิดนี้อาจทำให้เกิดการระคายเคือง มีพิษรุนแรง และควรระวังเมื่อต้องใช้กับเด็ก)
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบแก่นำมาบดใส่บริเวณที่เป็นแผล (ใบแก่)
ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์
ประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ดี
ประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
เม็ดมะม่วงหิมพานต์สามารถช่วยรักษารูปร่างให้สมส่วนได้ เพราะมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยลดการดูดซึมไขมันได้
การรับประทานถั่วเป็นประจำจะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้นและรับประทานอาหารได้น้อยลงอีกด้วย (ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นผลไม้ที่มีสารพิวรีนน้อยหรือไม่มีเลย. #คุณค่าทางโภชนาการของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 553 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 30.19 กรัม
แป้ง 23.49 กรัมเปลือกต้นมะม่วงหิมพานต์
น้ำตาล 5.91 กรัม
เส้นใย 3.3 กรัม
ไขมัน 43.85 กรัม
กรดไขมันอิ่มตัว 7.78 กรัม
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 23.8 กรัม
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 7.85 กรัม
โปรตีน 18.22 กรัม
น้ำ 5.2 กรัม
วิตามินบี 1 0.42 มิลลิกรัม 37%
วิตามินบี 2 0.6 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี 3 1.06 มิลลิกรัม 7%
วิตามินบี 5 0.86 มิลลิกรัม 17%
วิตามินบี 6 0.42 มิลลิกรัม 32%
วิตามินบี 9 2 แก้ไขข้อมูลเมื่อ 17 Jan 19 10:05
คำสำคัญ:
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์