พญากาสัก, เสือนั่งร่ม, เสือร้องไห้, หอกล่อ

ลักษณะของพญากาสัก
พญากาสักนั้น เมื่อต้นยังเล็กอยู่นั้นจะมีแต่รากฝอย และเมื่อค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นรากฝอยนั้นก็จะกลายเป็นหัวนั่นเอง ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับมันสำปะหลัง
จากหัวจะเป็นลำต้นที่มีสีแดงเรื่อๆ เหมือนกับต้นสัก ใบนั้นก็จะเหมือนกับใบสักใบจะมีสีเขียว ต้นที่ใหญ่นั้นจะใหญ่เป็นร่มครึ้ม ในส่วนของต้นที่เจริญงอกงามนั้นจะมีขนาดที่สูง พอที่เสือนั้นจะเข้าไปอยู่อาศัยได้
ดังนั้นจึงมีชื่อเรียกว่า “เสือนั่งร่ม” และให้สังเกตที่ขอบใบจะมีรอยหยักๆ ตลอดของขอบใบ และในบางแห่งนั้นก็จะเรียกว่า…เสือร้องไห้ และหอกล่อ ก็เรียก ว่านนี้นั้นจะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ ชนิดต้นสีเขียว ที่เห็นในภาพ เป็นพญากาสักแดง
ประโยชน์ของพญากาสัก
พญากาสักนี้ ได้เป็นที่รู้จักกันมาและนิยมกันเป็นอย่างมากในสมัยโบราณ ในยุคที่บ้านเมืองยังมีข้าศึกประชิดติดเมือง หมู่นักนบบรรพบุรุษของไทยเราตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย อยุธยานั้นก็จะใช้ว่านพญากาสักนี้ เป็นเครื่องราง คงกระพันชาตรีขณะออกราวีกับศัตรูปัจจามิตร
อักขระยันต์ที่สักลงบนผิวหนังนี้แม้ว่าจะสักด้วยน้ำมัน แต่ก็จะต้องใช้หัวว่าพญากาสักนี้รับประทานในขณะที่กำลังสักด้วย เพราะว่าอานุภาพของว่านนี้จะช่วยปลุกให้อักขระนั้นขลังคงกระพันเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันนี้นั้น ว่านพญากาสักนี้ก็ยังได้รับความนิยมกันอยู่ แลแสวงหาในแวดวงพรเครื่อง และในหมู่ของนักรบชายแดน เพราะว่าอานุภาพของหัวว่านพญากาสักนั้น หากได้นำมาปลุกเสกแล้วนำเอามากิน
ท่านให้เสกด้วยคาถา “อุทธัง อุทโ นะโมพุทธายะ” จำนวน 7 คาบ และสำหรับผู้ที่มีความเชื่อมั่นแล้วจะคงกระพันต่อคมหอกคอมดาบอย่างได้ผล เพราะว่าบรรพบุรุษนักรบสมัยโบราณท่านเคยนำเอาใช้ได้ผลมาแล้วนั่นเอง
ทางด้านของเภสัชนั้น พญากาสักนี้ยังสามารถที่จะใช้ส่วนหัวเป็นยาแผนโบราณ ส่วนผสมของยาทุกขนานที่รักษาเกี่ยวกับกามโรคอีกด้วย เป็นฝี แผล หนองในโรคผู้หญิง ในยาหม้อใหญ่นั้น พญากาสักนี้จะผสมอยู่ด้วยเสมอในตำราโบราณ
วิธีปลูกพญากาสัก
สำหรับดินที่ใช้ในการปลูกพญากาสักนั้น ก็จะปลูกได้ทั้งดินร่วนๆ หรือว่าจะเป็นดินร่วนปนทรายก็ได้สำหรับต้นไม้นี้ และที่สำคัญเลยนั้นหากว่าปลูกเพื่อต้องการหัวของว่านนั้น ก็ควรที่จะปลูกลงในแปลง ซึ่งก็จะได้หัวว่านที่ขนาดใหญ่สุด
เนื่องจากว่าว่านพญากาสักนี้นั้น มีขนาดที่สูงใหญ่มาก และมีความจำเป็นที่จะต้องรดน้ำให้ชุ่มๆ สักหน่อย เพราะเป็นไม้ที่ยืนต้นไม่ใช่ว่านหัวทั้งใบ สำหรับต้นใหญ่ๆ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวว่าหัวจะเน่า จะยังไงก็ตามทีนั้น
การปลุกที่ถูกวิธีนั้นก็จำเป็นที่จะต้องบอกย้ำกันไว้คือ ปลูก หัวโผล่ และเรื่องทำทางทางระบายน้ำนั้น สำรับปลูกในกระถางก้นกระถางนั้นจะขาดไม่ได้ ถ่านไม้เผาหรือว่าอิฐมอญที่นำเอามาทุบหยาบๆ 4-5 ก้อนรองไว้เสียด้วย ซึ่งจะช่วยระบายน้ำได้เป็นอย่างดี
วันอังคารนั้น คือวันที่จะปลูกว่านพญากาสัก และสำหรับคาถาที่จะใช้เสกกำกับขณะที่รดน้ำ หรือนำออกใช้ด้วยคาถา “อิติปิโสภควา ถึง ภควาติ” ตามกำลังวัน แก้ไขข้อมูลเมื่อ 15 Oct 20 08:11