ต้นมะสัง

ขายต้นมะสัง โทร 0821515014
ช่องทางการติดต่อร้านวรากรสมุนไพรทางไลน์สะดวกที่สุดค่ะ
ไอดีไลน์ herbsddd
QR code https://line.me/ti/p/T-oZ81KZrM
โทร 0629246459
ต้องการมาดูสินค้าโทรนัดหมายล่วงหน้านะคะ
มะสัง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Feroniella lucida (Scheff.) Swingle
วงศ์ Rutaceae
ลักษณะทั่วไป ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ มีสีขาว ผลทรงกลมสีเขียว ผิวเปลือกมีลายเป็นคลื่น คล้ายผลมะนาว เมล็ดรสเปรี้ยวจัด ใช้แทนมะนาวได้ เมื่อแก่ผลจะเป็นสีเขียวอมเหลือง เนื้อในผลมีเมล็ดสีเหลืองเล็กๆแทรกอยู่จำนวนมาก ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และปักชำในดินร่วนปนทราย ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น สามารถรับแสงแดดได้ตลอดวัน หรือรับแสงแดดเช้าเพียงครึ่งวัน
มะสังเป็นพืชตระกูลส้มที่พบตามป่าโปร่งทั่วไป ยอดอ่อน ใบอ่อน กินเป็นผักสด กินกับน้ำพริก ลาบปลา ลาบเนื้อ มีวิตามินซีสูง หรือนำไปปิ้งแล้วนำมากินกับลาบ ก้อย ซุปหน่อไม้ ผลรับประทานเนื้อด้านใน มีรสเปรี้ยว นิยมใช้แต่งรสเปรี้ยวในอาหารเช่นเดียวกับมะนาว เช่น การทำน้ำพริก ส้มตำ แกงส้ม ต้มเปรต โดยใช้เฉพาะเนื้อใน หรือตำลงไปทั้งเปลือกผลก็ได้ ทำให้แกงมีกลิ่นหอมเหมือนพืชตระกูลส้มทั่วไป สมัยก่อนจึงมีการนำมาทำน้ำอบมะสังและทำเป็นเครื่องหอมอื่นๆ หรือจะพกติดตัวไว้ใช้แก้ลมวิงเวียน ก็ช่วยได้ดีเช่นกัน
แม้ว่ามะสังจะเป็นพืชตระกูลมะนาวแต่เปลือกและเมล็ดไม่ขม จึงมีศักยภาพในการนำมาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมชื่อในรสเปรี้ยวชุ่มคอ นอกจากนี้มะสังยังเป็นยาแก้พิษ ในตำรายาแก้พิษของหมอยาพื้นบ้านจะมีรากมะสัง รากมะนาว รากเขยตาย เป็นส่วนประกอบของตัวยาหลักเสมอ นอกจากนี้ยังใช้รากต้มกินเพื่อขับลม แก้กะบูนเลือด กะบูนลม บำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย แก้นิ่ว ส่วนเปลือกมะสังทุบแช่น้ำกินแก้ปวดท้อง ปัจจุบันมีการค้นพบสารยับยั้งเอมไซม์แอซีทิลโคลีนเอสเทอเรส จากรากมะสัง ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จะช่วยยับยั้งการเกิดภาวะสมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์ได้นั่นเอง
ก่อนจะจากกันกับเรื่องมะสัง แอดมินก็ขอนำวิธีการทำ “น้ำมะสัง” มาแนะนำให้ทุกท่านได้ลองทำรับประทานดูนะคะ

ตำรับน้ำมะสัง

ส่วนผสม ได้แก่ มะสังโตเต็มที่ 2 ลูก เกลือ 1-2 ช้อนชา น้ำเปล่า หนึ่งลิตรครึ่ง น้ำเชื่อม(ตามชอบ)

วิธีทำ ไม่ยากค่ะ
1. ล้างมะสังสะอาด สับชิ้นเล็กๆ เตรียมไว้
2. นำมะสังที่สับผสมกับน้ำสะอาด เพื่อคั้นเอาแต่น้ำมะสัง กรองกากทิ้ง
3. เติมน้ำเชื่อมและเกลือลงไป ชิมรสตามชอบ
4. นำมะสังที่ปรุงรสแล้วตั้งไฟเดือด รอให้เย็น จะดื่มแบบใส่น้ำแข็งก็ได้ ชื่นใจดีค่ะ
ข้อมูลจาก : ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
แก้ไขข้อมูลเมื่อ 30 Aug 24 02:21