ชื่อสินค้า:
ต้นข้าวหลามดง
รหัส:
219785
ประเภท:
ราคา:
300.00 บาท
/ต้น
ติดต่อ:
คุณปุณณภา งานสำเร็จ
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์
เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 1 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
ค่าขนส่ง:
100 บาท
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ขายต้นข้าวหลามดง ไม้สมุนไพรดอกหอม
ช่องทางการติดต่อร้านวรากรสมุนไพรทางไลน์สะดวกที่สุดค่ะ
ไอดีไลน์ herbsddd
QR code https://line.me/ti/p/T-oZ81KZrM
โทร 0629246459,0616498997
ต้องการมาดูสินค้าโทรนัดหมายล่วงหน้านะคะ
ข้าวหลามดง ... ที่ไม่ใช่ข้าวหลาม แต่เป็นอีกหนึ่งไม้หอมวงศ์กระดังงา
ข้าวหลามดง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Goniothalamus laoticus (Finet & Gagnep.)
วงศ์ ANNONACEAE (วงศ์กระดังงา) สกุลปาหนัน Goniothalamus
"ข้าวหลามดง" ชื่อแปลก ดอกแปลก กลิ่นหอมแปลก แต่หอมแรง
ข้าวหลามดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Goniothalamus laoticus (Finet & Gagnep.) Ban
ชื่ออื่น ๆ (ชื่อพื้นเมือง/ชื่อท้องถิ่น/ชื่อทางการค้า) ว่า จำปีหิน (ชุมพร), นมงัว (ปราจีนบุรี), ปอขี้แฮด (เชียงใหม่)
ข้าวหลามดงเป็น ไม้ดอกหอมพื้นเมืองของไทย จัดอยู่ใน วงศ์กระดังงา ANNONACEAE
ที่มาของชื่อ "ข้าวหลามดง" มาจากกลิ่นของลำต้นหรือกิ่งเมื่อถูกเผาไฟจะมีกลิ่นไหม้คล้าย ๆ กับกลิ่นหอม
ของกระบอกข้าวหลามที่เผาสุกใหม่ ๆ ส่วนคำว่า "ดง" นั้นสื่อถึงว่า เป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามดงพงป่า หรือใส่คำว่า "ดง"
ต่อท้ายชื่อเพื่อให้แตกต่างกับต้น "ข้าวหลาม" (ข้าวหมาก) ที่อยู่สกุลเดียวกัน (แต่ขึ้นในพื้นที่สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน)
"ดอกข้าวหลามดง" นอกจากชื่อจะแปลกและดอกมีกลิ่นหอมแรงแล้ว ข้าวหลามดงยังมีความหลากหลายทาง
สายพันธุ์สูงมาก ดอกมีลักษณะกลีบดอกที่แตกต่างกันหลายแบบ เช่น กลีบงอน กลีบงุ้ม กลีบบิดเกลียว กลีบใหญ่
กลีบเล็ก เป็นต้น และเมื่อดอกสุกแล้วยังมีหลากหลายสีสันให้เลือกอีกด้วย เช่น ดอกสีเหลือง ดอกสีส้ม
ดอกสีชมพู หรือดอกสีแดง เป็นต้น
ข้าวหลามดง จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้นักสะสมพรรณไม้ดอกหอมใน สกุลปาหนัน วงศ์กระดังงา ANNONACEAE
ต่างพากันหลงใหลและแสวงหามาปลูกไว้ในครอบครอง
ดอกข้าวหลามดงจะออกดอกที่ซอกใบตามลำต้นและกิ่ง เมื่อดอกอ่อนมีสีเขียวยังไม่มีกลิ่น แต่เมื่อดอกสุก
จะเริ่มเปลี่ยนสีและเริ่มส่งกลิ่นหอมแรง โชยฟุ้ง ในช่วงเย็น ดอกข้าวหลามดงมีกลิ่นหอมคล้าย ๆ กับเหล้าสาโท
และข้าวหมาก ผสม ๆ กัน จึงยากเกินบรรยาย (ตามสไตล์กลิ่นหอมของไม้ดอกหอมในสกุลนี้)
ดอกข้าวหลามดงคล้าย ดอกแสดสยาม เป็นไม้วงศ์กระดังงาเช่นเดียวกัน แต่ข้าวหลามดงกลีบหนากว่า
มีขนาดต้นสูงใหญ่กว่า ชอบแดดรำไร ถ้าแดดจัดใบไหม้ ดอกมีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นแป้งข้าวหมาก ดมมาก ๆ เมา
ฤดูการออกดอก : เดือน เม.ย.- ก.ค. ผลแก่ มิ.ย.-ก.ย.
เวลาที่ดอกหอม : ตอนเย็น ถึงเช้าของอีกวัน
*พันธุ์ไม้ชนิดนี้จะส่งกลิ่นหอมตอนช่วงที่ดอกใกล้จะโรยแล้วเท่านั้น (ช่วงที่ดอกมีสีเหลืองอมส้ม)
ช่วงที่ดอกอกใหม่ ๆ ยังไม่ส่งกลิ่นหอม
ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือชมพูกางออกจากกัน ส่งกลิ่นหอมเย็น ดอกบาน 2-3 วันแล้ว
จึงโรย อีกพันธุ์หนึ่งดอกเปลี่ยนจากสีเขียวอมเหลืองเป็นสีส้มแดงแล้วจึงโรย ซึ่งเป็นพันธุ์ที่หายากมากกว่า
ออกดอกทยอยตลอดปี
การขยายพันธุ์ : ทาบกิ่ง เพาะเมล็ด (ต้องใช้เวลานาน 2- 3 เดือน เพราะว่าเปลือกเมล็ดแข็ง)
หากต้องการปลูกให้ออกดอกในกระถาง ควรใช้วิธีทาบกิ่ง ส่วนวิธีการตอน พบว่าออกรากยากมาก
ข้อดีของข้าวหลามดง : ช่วงการออกดอก (ดอกทยอยบาน) นานเป็นเดือน ๆ
พื้นที่ที่ใช้ปลูกไม่มาก ประมาณ 2 x 2 เมตรก็เพียงพอ ปลูกแทรกระหว่างไม้ใหญ่ ๆ ได้ดีต้นหนึ่ง
ข้อแนะนำ : การปลูกในพื้นที่มีแดดรำไรมีการติดของเมล็ด ควรปลูกในพื้นที่มีแดดรำไร และต้องดูแลเป็นพิเศษในปีแรก
ข้อมูลอื่น ๆ : ข้าวหลามดงเป็นพันธุ์ไม้หอมที่โตช้า การขยายพันธุ์ช้า เป็นพันธุ์ไม้ที่ราคาค่อนข้างแพงตลอดเวลา
ไม่เหมือนไม้ชนิดอื่น ๆ
ข้าวหลามดงกับการศึกษาวิจัยสมัยใหม่
มีการศึกษาพบว่า สารในข้าวหลามดงมีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อมาลาเรีย เชื้อวัณโรค และเซลมะเร็ง
ปัจจุบันนักวิจัยสนใจข้าวหลามดงในการพัฒนาเพื่อใช้เป็นยารักษามะเร็ง
ข้าวหลามดงเป็นพืชเฉพาะถิ่นของไทย ลาว เวียดนาม มีประวัติการใช้เป็นยามาอย่างยาวนาน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก
แต่ก่อนจัดว่าเป็นไม้หายากชนิดหนึ่ง แต่ปัจจุบันนิยมนำข้าวหลามดงมาปลูกเป็นไม้ประดับ เนื่องจากเวลาออกดอก
ดอกจะออกเต็มลำต้นสวยงามมาก หากเพียงแต่ได้รู้สรรพคุณด้วยแล้ว เขาก็ไม่ใช่พืชธรรมดาในดงดอยที่เราจะมองข้ามอีกต่อไป
ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า เปลือกต้น กิ่ง ใช้ต้มน้ำ ดื่ม เรียกน้ำนมสำหรับแม่ลูกอ่อน เหตุนี้จึงค่อนข้างจะมีโอกาสหายไป
จากป่าได้ง่าย ปัจจุบันค่องข้างหายาก
ข้าวหลามดงเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 4-8 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกหนาสีเทาอมดำ ใบเดี่ยว
เรียงสลับสองข้างกิ่งในระนาบเดียวกัน แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายเรียวแหลม โคนใบสอบ
ใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อนกว่า ก้านใบยาว
ดอก เดี่ยวหรืออกเป็นกระจุก 2-5 ดอก ตามลำต้น กิ่งและตามง่ามใบ ก้านดอกยาว กลีบดอกยาว
สีเหลืองนวลถึงสีชมพู
ผล ออกเป็นกลุ่ม 6-12 ผล รูปกลมรี หรือทรงกระบอก ไม่มีก้านผล
ผลแก่สีเขียวอมเหลือง เมล็ดมีวุ้นหุ้ม
การกระจายพันธุ์ : ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทย ต่างประเทศ
พบที่ลาวและเวียตนาม ขึ้นในป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูง 200-900 เมตร ออกดอกเดือนเมษายน - กรกฏาคม
ข้าวหลามดง จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการไม้ดอกไม้ประดับ ที่เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก
ปลูกประดับโชว์ทรงพุ่มที่กลางแจ้ง หรือต้องการโชว์ดอกดก ๆ ตามลำต้นและกิ่งเพื่อความสวยงาม และดอกยังมี
กลิ่นหอมแรง โชยกลิ่นหอมฟุ้งในยามเย็นช่วงใกล้ค่ำได้อีกด้วย
*พันธุ์ไม้ในวงศ์ Annonaceae หลายชนิดจะหอมตอนช่วงที่ดอกใกล้จะร่วงโรย ควรดมกลิ่นหอมให้ถูกเวลาด้วย
ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.phpid=fasaiwonmai&month=10-2012&date=24&group=2&gblog=414 แก้ไขข้อมูลเมื่อ 30 Aug 24 02:25
ช่องทางการติดต่อร้านวรากรสมุนไพรทางไลน์สะดวกที่สุดค่ะ
ไอดีไลน์ herbsddd
QR code https://line.me/ti/p/T-oZ81KZrM
โทร 0629246459,0616498997
ต้องการมาดูสินค้าโทรนัดหมายล่วงหน้านะคะ
ข้าวหลามดง ... ที่ไม่ใช่ข้าวหลาม แต่เป็นอีกหนึ่งไม้หอมวงศ์กระดังงา
ข้าวหลามดง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Goniothalamus laoticus (Finet & Gagnep.)
วงศ์ ANNONACEAE (วงศ์กระดังงา) สกุลปาหนัน Goniothalamus
"ข้าวหลามดง" ชื่อแปลก ดอกแปลก กลิ่นหอมแปลก แต่หอมแรง
ข้าวหลามดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Goniothalamus laoticus (Finet & Gagnep.) Ban
ชื่ออื่น ๆ (ชื่อพื้นเมือง/ชื่อท้องถิ่น/ชื่อทางการค้า) ว่า จำปีหิน (ชุมพร), นมงัว (ปราจีนบุรี), ปอขี้แฮด (เชียงใหม่)
ข้าวหลามดงเป็น ไม้ดอกหอมพื้นเมืองของไทย จัดอยู่ใน วงศ์กระดังงา ANNONACEAE
ที่มาของชื่อ "ข้าวหลามดง" มาจากกลิ่นของลำต้นหรือกิ่งเมื่อถูกเผาไฟจะมีกลิ่นไหม้คล้าย ๆ กับกลิ่นหอม
ของกระบอกข้าวหลามที่เผาสุกใหม่ ๆ ส่วนคำว่า "ดง" นั้นสื่อถึงว่า เป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามดงพงป่า หรือใส่คำว่า "ดง"
ต่อท้ายชื่อเพื่อให้แตกต่างกับต้น "ข้าวหลาม" (ข้าวหมาก) ที่อยู่สกุลเดียวกัน (แต่ขึ้นในพื้นที่สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน)
"ดอกข้าวหลามดง" นอกจากชื่อจะแปลกและดอกมีกลิ่นหอมแรงแล้ว ข้าวหลามดงยังมีความหลากหลายทาง
สายพันธุ์สูงมาก ดอกมีลักษณะกลีบดอกที่แตกต่างกันหลายแบบ เช่น กลีบงอน กลีบงุ้ม กลีบบิดเกลียว กลีบใหญ่
กลีบเล็ก เป็นต้น และเมื่อดอกสุกแล้วยังมีหลากหลายสีสันให้เลือกอีกด้วย เช่น ดอกสีเหลือง ดอกสีส้ม
ดอกสีชมพู หรือดอกสีแดง เป็นต้น
ข้าวหลามดง จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้นักสะสมพรรณไม้ดอกหอมใน สกุลปาหนัน วงศ์กระดังงา ANNONACEAE
ต่างพากันหลงใหลและแสวงหามาปลูกไว้ในครอบครอง
ดอกข้าวหลามดงจะออกดอกที่ซอกใบตามลำต้นและกิ่ง เมื่อดอกอ่อนมีสีเขียวยังไม่มีกลิ่น แต่เมื่อดอกสุก
จะเริ่มเปลี่ยนสีและเริ่มส่งกลิ่นหอมแรง โชยฟุ้ง ในช่วงเย็น ดอกข้าวหลามดงมีกลิ่นหอมคล้าย ๆ กับเหล้าสาโท
และข้าวหมาก ผสม ๆ กัน จึงยากเกินบรรยาย (ตามสไตล์กลิ่นหอมของไม้ดอกหอมในสกุลนี้)
ดอกข้าวหลามดงคล้าย ดอกแสดสยาม เป็นไม้วงศ์กระดังงาเช่นเดียวกัน แต่ข้าวหลามดงกลีบหนากว่า
มีขนาดต้นสูงใหญ่กว่า ชอบแดดรำไร ถ้าแดดจัดใบไหม้ ดอกมีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นแป้งข้าวหมาก ดมมาก ๆ เมา
ฤดูการออกดอก : เดือน เม.ย.- ก.ค. ผลแก่ มิ.ย.-ก.ย.
เวลาที่ดอกหอม : ตอนเย็น ถึงเช้าของอีกวัน
*พันธุ์ไม้ชนิดนี้จะส่งกลิ่นหอมตอนช่วงที่ดอกใกล้จะโรยแล้วเท่านั้น (ช่วงที่ดอกมีสีเหลืองอมส้ม)
ช่วงที่ดอกอกใหม่ ๆ ยังไม่ส่งกลิ่นหอม
ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือชมพูกางออกจากกัน ส่งกลิ่นหอมเย็น ดอกบาน 2-3 วันแล้ว
จึงโรย อีกพันธุ์หนึ่งดอกเปลี่ยนจากสีเขียวอมเหลืองเป็นสีส้มแดงแล้วจึงโรย ซึ่งเป็นพันธุ์ที่หายากมากกว่า
ออกดอกทยอยตลอดปี
การขยายพันธุ์ : ทาบกิ่ง เพาะเมล็ด (ต้องใช้เวลานาน 2- 3 เดือน เพราะว่าเปลือกเมล็ดแข็ง)
หากต้องการปลูกให้ออกดอกในกระถาง ควรใช้วิธีทาบกิ่ง ส่วนวิธีการตอน พบว่าออกรากยากมาก
ข้อดีของข้าวหลามดง : ช่วงการออกดอก (ดอกทยอยบาน) นานเป็นเดือน ๆ
พื้นที่ที่ใช้ปลูกไม่มาก ประมาณ 2 x 2 เมตรก็เพียงพอ ปลูกแทรกระหว่างไม้ใหญ่ ๆ ได้ดีต้นหนึ่ง
ข้อแนะนำ : การปลูกในพื้นที่มีแดดรำไรมีการติดของเมล็ด ควรปลูกในพื้นที่มีแดดรำไร และต้องดูแลเป็นพิเศษในปีแรก
ข้อมูลอื่น ๆ : ข้าวหลามดงเป็นพันธุ์ไม้หอมที่โตช้า การขยายพันธุ์ช้า เป็นพันธุ์ไม้ที่ราคาค่อนข้างแพงตลอดเวลา
ไม่เหมือนไม้ชนิดอื่น ๆ
ข้าวหลามดงกับการศึกษาวิจัยสมัยใหม่
มีการศึกษาพบว่า สารในข้าวหลามดงมีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อมาลาเรีย เชื้อวัณโรค และเซลมะเร็ง
ปัจจุบันนักวิจัยสนใจข้าวหลามดงในการพัฒนาเพื่อใช้เป็นยารักษามะเร็ง
ข้าวหลามดงเป็นพืชเฉพาะถิ่นของไทย ลาว เวียดนาม มีประวัติการใช้เป็นยามาอย่างยาวนาน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก
แต่ก่อนจัดว่าเป็นไม้หายากชนิดหนึ่ง แต่ปัจจุบันนิยมนำข้าวหลามดงมาปลูกเป็นไม้ประดับ เนื่องจากเวลาออกดอก
ดอกจะออกเต็มลำต้นสวยงามมาก หากเพียงแต่ได้รู้สรรพคุณด้วยแล้ว เขาก็ไม่ใช่พืชธรรมดาในดงดอยที่เราจะมองข้ามอีกต่อไป
ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า เปลือกต้น กิ่ง ใช้ต้มน้ำ ดื่ม เรียกน้ำนมสำหรับแม่ลูกอ่อน เหตุนี้จึงค่อนข้างจะมีโอกาสหายไป
จากป่าได้ง่าย ปัจจุบันค่องข้างหายาก
ข้าวหลามดงเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 4-8 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มโปร่ง เปลือกหนาสีเทาอมดำ ใบเดี่ยว
เรียงสลับสองข้างกิ่งในระนาบเดียวกัน แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายเรียวแหลม โคนใบสอบ
ใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีอ่อนกว่า ก้านใบยาว
ดอก เดี่ยวหรืออกเป็นกระจุก 2-5 ดอก ตามลำต้น กิ่งและตามง่ามใบ ก้านดอกยาว กลีบดอกยาว
สีเหลืองนวลถึงสีชมพู
ผล ออกเป็นกลุ่ม 6-12 ผล รูปกลมรี หรือทรงกระบอก ไม่มีก้านผล
ผลแก่สีเขียวอมเหลือง เมล็ดมีวุ้นหุ้ม
การกระจายพันธุ์ : ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทย ต่างประเทศ
พบที่ลาวและเวียตนาม ขึ้นในป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูง 200-900 เมตร ออกดอกเดือนเมษายน - กรกฏาคม
ข้าวหลามดง จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการไม้ดอกไม้ประดับ ที่เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก
ปลูกประดับโชว์ทรงพุ่มที่กลางแจ้ง หรือต้องการโชว์ดอกดก ๆ ตามลำต้นและกิ่งเพื่อความสวยงาม และดอกยังมี
กลิ่นหอมแรง โชยกลิ่นหอมฟุ้งในยามเย็นช่วงใกล้ค่ำได้อีกด้วย
*พันธุ์ไม้ในวงศ์ Annonaceae หลายชนิดจะหอมตอนช่วงที่ดอกใกล้จะร่วงโรย ควรดมกลิ่นหอมให้ถูกเวลาด้วย
ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.phpid=fasaiwonmai&month=10-2012&date=24&group=2&gblog=414 แก้ไขข้อมูลเมื่อ 30 Aug 24 02:25
คำสำคัญ:
ข้าวหลามดง
ต้นสมุนไพร