ชื่อสินค้า:
เจตมูลเพลิง
รหัส:
213702
ประเภท:
ราคา:
50.00 บาท
ติดต่อ:
คุณกุสุมา ตุ่นแก้ว
ที่อยู่ร้าน:
จ.เชียงใหม่
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์
เปิดร้านมาแล้ว 11 ปี 8 เดือน
โทรศัพท์:
ปุ่มติดต่อ:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
เจตมูลเพลิงขาว
1.นำรากสดมาตำให้ละเอียดแล้วนำไปผสมกับเหล้าหรือน้ำ เพื่อเป็นยารักษาโรคกลากเกลื้อน นำส่วนที่ผสมนั้นไปพอกในที่ที่เป็นแผล
2.นำใบสด8-9ใบมาตำให้ละเอียด ใช้รักษาโรคไข้มาลาเรียโดยนำใบที่ตำนั้นไปพอกตรงข้อมือทั้งสองข้างตรงชีพจร ให้พอกก่อนที่จะเกิดอาการซัก2ชั่วโมงและพอกจนกระทั่งบริเวณนั้นเย็นจึงค่อยเอาออก
3.นำใบสดมาตำ แล้วแช่ในเหล้า ใช้แก้บริเวณที่ฟกช้ำได้
4.นำเนื้อหมูแดงซัก60กรัม และรากแห้ง30กรัมมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับประจำเดือน
5.นำรากแห้งประมาณ1.5-3กรัมมาต้มกับน้ำหรือแช่เหล้า แล้วรับประทาน จะแก้อาการปวดตามข้อและเคล็ดขัดยอก แต่จะกินวันละ5มล.วันละ2ครั้ง
6. นำรากแห้งมาดอง้เหล้ารับประทาน จะแก้อาการม้ามบวม แต่ถ้าอาการหนักก็นำใบสดมาตำให้ละเอียดคลุกกับข้าวเหนียวแล้วปั้นเป็นม็ดขนาดพอดีนำไปนึ่งให้สุก แล้วรับประทานก่อนนอนและตื่นนอนทีละ 1 เม็ด
7.ถ้าเป็นฝี เช่น พวกฝีบวม ฝีคัณฑสูตร เต้านมอักเสบ ไฟลามทุ่ง ให้นำใบสดมาตำแล้วเอาผ้าก๊อสห่อ พอกบริเวณที่เป็นจนกระทั่งหาย
8.ใช้ใบสดและข้าวสวยอย่างล่ะ1กำมือและใส่เกลือเล็กน้อยตำเคล้ากันให้ละเอียด ใช้รักษาโรคผิวหนังหนาเนื่องจากเสียดสีกันนานโดยนำไปพอกบริเวณที่เป็นนั้น
เจตมูลเพลิงแดง
ตำรับยาสมุนไพรไทยที่เรียกว่า “เบญจกูล” ประกอบด้วยพืช 5 ชนิด ได้แก่ ผลดีปลี รากช้าพลู เถาสะค้าน เหง้าขิงแห้ง และสุดท้ายที่สำคัญใช้สำหรับปรับสมดุลร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งก่อนจะทำการรักษา นั่นคือ “รากเจตมูลเพลิงแดง”
เจตมูลเพลิงแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Plumbago Indica L. ชื่อภาษาอังกฤษว่า Rose-colored Leadwort และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ปิดปิวแดง (ภาคเหนือ), ปิดปีแดง(เลย), ไฟใต้ดิน(ใต้), คุ้ยวู่(กระเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ตั้งชู้โว้(กระเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) และอุบะกูจ๊ะ (มลายู-ปัตตานี)
ลักษณะเป็นไม้พุ่มล้มลุกขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1.5 เมตร ลำต้นกลมเรียบ กิ่งก้านทอดยาวสีเขียวปนแดง บริเวณข้อและยอดอ่อนสีแดง ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ก้านใบและแกนกลางใบอ่อนมีสีแดง ดอกออกเป็นช่อ ข่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม กลีบบางมี 5 กลีบสีแดงสด ปลายกลีบกลม เป็นติ่งหนามตอนปลาย เป็นไม้ที่ชอบอยู่ในที่ร่ม ตามป่าดงดิบ และป่าเบญจพรรณทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และการปักชำ
รศ.ดร.อรุณพร อิฐรัตน์ สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลอง พบว่า ตำรับเบญจกูล แยกสารบริสุทธิ์ ได้ 3 ชนิด ได้แก่ piperine, plumbagin และ 6-gingerol สามารถต้านเซลล์มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านมได้ดี ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ กระตุ้นภูมิคุ้มกันการทำงานของ NK cells กระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเมล็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ ยับยั้งการอักเสบทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์คล้ายกับยาในกลุ่มสเตียรอยด์ แต่ให้ผลดีกว่ายาสเตียรอยด์ ชนิด Phenylbutazone ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดหนอง ได้แก่ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilisและยับยั้งเชื้อรา Candida albicans
โดยเจตมูลเพลิงแดงมีสารสำคัญในราก ได้แก่ plumbagin, sitosterol, stigmasterol, campesterol และ 6-hydroxyplumbagin ซึ่งในสาร plumbagin มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย การเกิดเนื้องอก ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งทุกชนิด
นอกจากนี้ รากยังช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหาร แก้ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับลม ปวดเสียด แน่นหน้าอก รักษาอาการอันเกิดจากธาตุไฟทั้ง 4 เช่น ตัวเย็น ไอแห้ง ปวดท้อง นัยน์ตามัว มือเท้าเป็นเหน็บชา เบื่ออาหาร ฯลฯ
สำหรับส่วนอื่นๆ ได้แก่ ต้น ใช้ขับโลหิตระดู แก้ปวดท้อง เปลือก ฆ่าแมงดาเรืองเข้าหู แก่น แก้ขี้เรื้อนกวาง แก้เรื้อนน้ำเต้า ดอก แก้โรคที่ทำให้หนาวและเย็น และ ลูก แก้พยาธิผิวหนัง แก้ฝี
สมุนไพรชนิดนี้จัดเป็นสมุนไพรเก่าแก่ชนิดหนึ่งของอินเดียและไทย เป็นสมุนไพรประจำธาตุไฟ เพราะมีรสร้อน เมื่อสัมผัสโดนยางจากรากจะทำให้ผิวหนังไหม้พอง เหมือนโดนเพลิงไฟ
ข้อควรระวัง! :
หญิงที่มีครรภ์ห้ามรับประทาน เพราะรากมีสารบางอย่างทำให้แท้งได้
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 152 สิงหาคม 2556 โดย มีคณา)
สนใจติดต่อ
โทร 089-637-3665
Line ID: linglingling99
Facebook: สวนแดงจินดา จำหน่ายพืชสมุนไพร เชียงใหม่
Facebook page :สวนแดงจินดา
แก้ไขข้อมูลเมื่อ 17 Jun 20 10:45
1.นำรากสดมาตำให้ละเอียดแล้วนำไปผสมกับเหล้าหรือน้ำ เพื่อเป็นยารักษาโรคกลากเกลื้อน นำส่วนที่ผสมนั้นไปพอกในที่ที่เป็นแผล
2.นำใบสด8-9ใบมาตำให้ละเอียด ใช้รักษาโรคไข้มาลาเรียโดยนำใบที่ตำนั้นไปพอกตรงข้อมือทั้งสองข้างตรงชีพจร ให้พอกก่อนที่จะเกิดอาการซัก2ชั่วโมงและพอกจนกระทั่งบริเวณนั้นเย็นจึงค่อยเอาออก
3.นำใบสดมาตำ แล้วแช่ในเหล้า ใช้แก้บริเวณที่ฟกช้ำได้
4.นำเนื้อหมูแดงซัก60กรัม และรากแห้ง30กรัมมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับประจำเดือน
5.นำรากแห้งประมาณ1.5-3กรัมมาต้มกับน้ำหรือแช่เหล้า แล้วรับประทาน จะแก้อาการปวดตามข้อและเคล็ดขัดยอก แต่จะกินวันละ5มล.วันละ2ครั้ง
6. นำรากแห้งมาดอง้เหล้ารับประทาน จะแก้อาการม้ามบวม แต่ถ้าอาการหนักก็นำใบสดมาตำให้ละเอียดคลุกกับข้าวเหนียวแล้วปั้นเป็นม็ดขนาดพอดีนำไปนึ่งให้สุก แล้วรับประทานก่อนนอนและตื่นนอนทีละ 1 เม็ด
7.ถ้าเป็นฝี เช่น พวกฝีบวม ฝีคัณฑสูตร เต้านมอักเสบ ไฟลามทุ่ง ให้นำใบสดมาตำแล้วเอาผ้าก๊อสห่อ พอกบริเวณที่เป็นจนกระทั่งหาย
8.ใช้ใบสดและข้าวสวยอย่างล่ะ1กำมือและใส่เกลือเล็กน้อยตำเคล้ากันให้ละเอียด ใช้รักษาโรคผิวหนังหนาเนื่องจากเสียดสีกันนานโดยนำไปพอกบริเวณที่เป็นนั้น
เจตมูลเพลิงแดง
ตำรับยาสมุนไพรไทยที่เรียกว่า “เบญจกูล” ประกอบด้วยพืช 5 ชนิด ได้แก่ ผลดีปลี รากช้าพลู เถาสะค้าน เหง้าขิงแห้ง และสุดท้ายที่สำคัญใช้สำหรับปรับสมดุลร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งก่อนจะทำการรักษา นั่นคือ “รากเจตมูลเพลิงแดง”
เจตมูลเพลิงแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Plumbago Indica L. ชื่อภาษาอังกฤษว่า Rose-colored Leadwort และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ปิดปิวแดง (ภาคเหนือ), ปิดปีแดง(เลย), ไฟใต้ดิน(ใต้), คุ้ยวู่(กระเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ตั้งชู้โว้(กระเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) และอุบะกูจ๊ะ (มลายู-ปัตตานี)
ลักษณะเป็นไม้พุ่มล้มลุกขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1.5 เมตร ลำต้นกลมเรียบ กิ่งก้านทอดยาวสีเขียวปนแดง บริเวณข้อและยอดอ่อนสีแดง ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ก้านใบและแกนกลางใบอ่อนมีสีแดง ดอกออกเป็นช่อ ข่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม กลีบบางมี 5 กลีบสีแดงสด ปลายกลีบกลม เป็นติ่งหนามตอนปลาย เป็นไม้ที่ชอบอยู่ในที่ร่ม ตามป่าดงดิบ และป่าเบญจพรรณทั่วไป ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และการปักชำ
รศ.ดร.อรุณพร อิฐรัตน์ สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลอง พบว่า ตำรับเบญจกูล แยกสารบริสุทธิ์ ได้ 3 ชนิด ได้แก่ piperine, plumbagin และ 6-gingerol สามารถต้านเซลล์มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านมได้ดี ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ กระตุ้นภูมิคุ้มกันการทำงานของ NK cells กระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเมล็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ ยับยั้งการอักเสบทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์คล้ายกับยาในกลุ่มสเตียรอยด์ แต่ให้ผลดีกว่ายาสเตียรอยด์ ชนิด Phenylbutazone ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดหนอง ได้แก่ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilisและยับยั้งเชื้อรา Candida albicans
โดยเจตมูลเพลิงแดงมีสารสำคัญในราก ได้แก่ plumbagin, sitosterol, stigmasterol, campesterol และ 6-hydroxyplumbagin ซึ่งในสาร plumbagin มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย การเกิดเนื้องอก ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งทุกชนิด
นอกจากนี้ รากยังช่วยย่อยอาหาร เจริญอาหาร แก้ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับลม ปวดเสียด แน่นหน้าอก รักษาอาการอันเกิดจากธาตุไฟทั้ง 4 เช่น ตัวเย็น ไอแห้ง ปวดท้อง นัยน์ตามัว มือเท้าเป็นเหน็บชา เบื่ออาหาร ฯลฯ
สำหรับส่วนอื่นๆ ได้แก่ ต้น ใช้ขับโลหิตระดู แก้ปวดท้อง เปลือก ฆ่าแมงดาเรืองเข้าหู แก่น แก้ขี้เรื้อนกวาง แก้เรื้อนน้ำเต้า ดอก แก้โรคที่ทำให้หนาวและเย็น และ ลูก แก้พยาธิผิวหนัง แก้ฝี
สมุนไพรชนิดนี้จัดเป็นสมุนไพรเก่าแก่ชนิดหนึ่งของอินเดียและไทย เป็นสมุนไพรประจำธาตุไฟ เพราะมีรสร้อน เมื่อสัมผัสโดนยางจากรากจะทำให้ผิวหนังไหม้พอง เหมือนโดนเพลิงไฟ
ข้อควรระวัง! :
หญิงที่มีครรภ์ห้ามรับประทาน เพราะรากมีสารบางอย่างทำให้แท้งได้
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 152 สิงหาคม 2556 โดย มีคณา)
สนใจติดต่อ
โทร 089-637-3665
Line ID: linglingling99
Facebook: สวนแดงจินดา จำหน่ายพืชสมุนไพร เชียงใหม่
Facebook page :สวนแดงจินดา
แก้ไขข้อมูลเมื่อ 17 Jun 20 10:45
คำสำคัญ:
เจตมูลเพลิง
ต้นเจตมูลเพลิงแดง