ชื่อสินค้า:
ต้นไส้ตัน โมกเครือ
รหัส:
200818
ราคา:
200.00 บาท
/ต้น
ติดต่อ:
คุณปุณณภา งานสำเร็จ
ที่อยู่ร้าน:
อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
ร้านนี้ยังไม่มีการแจ้งเลขทะเบียนพานิชย์
เปิดร้านมาแล้ว 14 ปี 2 เดือน
ไอดีไลน์:
โทรศัพท์:
คำเตือน: โปรดตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต การขอชำระเงินปลายทางเมื่อรับสินค้าถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี
รายละเอียด
ต้นไส้ตัน ไม้ดอกสวย ใบสวย ไม้หายากดอกหอม ใบกินเป็นผักพื้นบ้าน ลำต้นต้มกินแก้มะเร็ง
ขายต้นปลูก ความสูง 30-50 ซม. น้ำหนักถุงเพาะ 0.5-1กก/ถุงส่งสินค้าแบบอีเอมเอส ค่าส่งต้นไม้ 1-4 ต้น/กล่อง/ ค่าส่ง100 บาท
โมกเครือ
“โมกเครือ” เป็นไม้เลื้อยดอกหอม ที่อยู่ในวงศ์เดียวกับโมก
วงศ์ APOCYNACEAE
วิทยาศาสตร์ว่า Aganosma marginata (Roxb.) G. Don
ชื่อวิทยาศาสตร์ Amphineurion marginata (Roxb.) D.J.Middleton
โมกเครือ มีแหล่งกระจายพันธุ์กว้างมาก ไล่มาตั้งแต่ อินเดีย บังคลาเทศ จีน พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลงไปถึง มาเลยเซีย สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย
สำหรับในประเทศไทย โมกเครือถือว่าเป็น พรรณไม้พื้นเมืองของไทย เพราะว่าพบโมกเครือขึ้นกระจัดกระจาย อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย จึงมีชื่อท้องถิ่นที่เรียกแตกต่างกันมากมาย เช่น เดื่อเครือ, เดื่อดิน, มะเดื่อดิน, เดื่อเถา,เดื่อไม้, โมกเครือ (ภาคเหนือ),เครือไส้ตัน (หนองคาย), เดือยดิน (ประจวบคีรีขันธ์), เดือยดิบ (กระบี่), ตะซือบลาโก๊ะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน),ไส้ตัน (นครราชสีมา), มะเดื่อเถา (ราชบุรี, ภาคเหนือ), ย่านเดือยบิด (สุราษฎร์ธานี), พิษ (ภาคกลาง) เป็นต้น … เยอะเน๊อะ!
ต้นโมกเครือ
โมกเครือ เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มักจะเลื้อยขึ้นพันไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก เมื่อต้นยังเล็กจะมีลักษณะคล้ายเป็นทรงพุ่ม แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นก็จะเริ่มชูยอดเลื้อยพันหรือทอดเลื้อย
ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ผิวใบเรียบเป็นมันเงา เส้นใบย่อยเป็นร่องชัดเจน ดูเป็นลอนๆ เส้นใบจะไปไม่ถึงขอบใบ แต่จะเชื่อมติดกันเป็นเส้นโค้งขนานกับขอบใบ ปลายใบเรียวแหลม ที่ยอดอ่อน ก้านใบ ข้อใบและใบอ่อนจะมีสีแดง สีสันสดใส สะดุดตา สีตัดกับใบแก่สีเขียวเข้ม สวยงามมาก
ดอกโมกเครือ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด หรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ในแต่ละช่อจะมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกสีขาว ดอกมีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ เรียงเวียนกัน โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 แฉก
ดอกโมกเครือมีกลิ่นหอมโชยอ่อนๆ ตลอดวัน แต่ส่งกลิ่นหอมแรงขึ้น และส่งกลิ่นหอมโชยได้ไกล ในตอนเช้าและในช่วงเย็นๆ โดยเฉพาะช่วงที่โมกเครือออกดอกดกๆ และดอกบานพร้อมกันทั้งต้น จะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียง กลิ่นหอมชื่นใจและน่าประทับใจมากครับ แต่ละดอกบานได้ 1-2 วันก็โรยแล้วครับ
โมกเครือ มียอดอ่อน ก้านใบ ข้อใบ ใบอ่อนจะมีสีแดง และผิวใบเป็นมันเงา สวยงามมาก
หากติดผล ผลโมกเครือจะเป็นฝักคู่เรียวกลม ฝักยาวๆ เมื่อฝักแก่จะแตกอ้า ภายในฝักจะมีเมล็ดสีน้ำตาล
มีขนฟูๆสีขาวติดที่ปลายเมล็ดด้านหนึ่ง ปลิวตามลมไปตกไกลๆได้ดี โมกเครือจึงสามารถนำมาขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดได้ครับ และสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำกิ่ง หรือตัดเถาที่เลื้อยทอดไปตามพื้นดินแล้วแตกรากออกมาตามข้อ พร้อมทั้งแตกยอดเจริญเติบโตขึ้นเป็นต้นใหม่ ซึ่งสามารถขุดแยกนำไปปลูกได้
การใช้ประโยชน์ไส้ตันในด้านอาหาร ใบนำมาใส่ในแกงอ่อม ยอดอ่อน ใบสด ใช้ปรุงอาหาร ใช้จิ้มน้ำพริก หรือกินกับเมี่ยง
สำหรับคุณค่าทางอาหารในไส้ตัน 100 กรัม จะมีโปรตีน 9.53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 3.85 เปอร์เซ็นต์ เถ้า 9.11 เปอร์เซ็นต์ เยื่อใยส่วน ADF 31.2 เปอร์เซ็นต์ NDF 32.8 เปอร์เซ็นต์ NFE 65.14 เปอร์เซ็นต์ ลิกนิน 9.3 เปอร์เซ็นต์
การใช้ประโยชน์ไส้ตันในด้านสมุนไพร
• ยอดไส้ตันใช้แก้ท้องเสีย
• ต้น ในตำรายาไทยเนื่องจากต้นมีรสเฝื่อน ฝาด จึงนำมาเข้ายารักษาประดง (อาการปวดผิวหนังมีผื่นคัน คล้ายผด คันมากมักมีไข้ร่วม) แก้พิษฝีภายใน
• ในตำรายาพื้นบ้าน ใช้ต้นผสมกับผลมะตูมอ่อน เถาสิงโตทั้งต้น และว่านมหากาฬทั้งต้น ต้มน้ำดื่ม รักษาเบาหวาน
• รากบำรุงกำลังช่วงฟื้นไข้ แก้ไตพิการ (ปัสสาวะขุ่นข้น สีเหลืองหรือแดง มีอาการแน่นท้องกินอาหารไม่ได้) และตับพิการ บำรุงและขับฤดู หรือผสมแก่นลั่นทมต้มน้ำดื่มเป็นยาระบาย
• ใบแก้เมื่อยขบ เข้ายาทารักษาฝีและ ริดสีดวงทวาร
(วงศ์สถิตย์และคณะ, 2543)
ประโยชน์ของโมกเครือ
ยอดอ่อนนำมากินเป็นผัก หรือกินกับเมี่ยงทางภาคอีสาน คนสมัยก่อนนำลำต้นหรือเครือ มาทำหลอดด้าย
หมอพื้นบ้านสระบุรีใช้ทั้งต้นต้มกินรักษามะเร็ง แก้ไขข้อมูลเมื่อ 30 Aug 24 10:36
ขายต้นปลูก ความสูง 30-50 ซม. น้ำหนักถุงเพาะ 0.5-1กก/ถุงส่งสินค้าแบบอีเอมเอส ค่าส่งต้นไม้ 1-4 ต้น/กล่อง/ ค่าส่ง100 บาท
โมกเครือ
“โมกเครือ” เป็นไม้เลื้อยดอกหอม ที่อยู่ในวงศ์เดียวกับโมก
วงศ์ APOCYNACEAE
วิทยาศาสตร์ว่า Aganosma marginata (Roxb.) G. Don
ชื่อวิทยาศาสตร์ Amphineurion marginata (Roxb.) D.J.Middleton
โมกเครือ มีแหล่งกระจายพันธุ์กว้างมาก ไล่มาตั้งแต่ อินเดีย บังคลาเทศ จีน พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลงไปถึง มาเลยเซีย สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย
สำหรับในประเทศไทย โมกเครือถือว่าเป็น พรรณไม้พื้นเมืองของไทย เพราะว่าพบโมกเครือขึ้นกระจัดกระจาย อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย จึงมีชื่อท้องถิ่นที่เรียกแตกต่างกันมากมาย เช่น เดื่อเครือ, เดื่อดิน, มะเดื่อดิน, เดื่อเถา,เดื่อไม้, โมกเครือ (ภาคเหนือ),เครือไส้ตัน (หนองคาย), เดือยดิน (ประจวบคีรีขันธ์), เดือยดิบ (กระบี่), ตะซือบลาโก๊ะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน),ไส้ตัน (นครราชสีมา), มะเดื่อเถา (ราชบุรี, ภาคเหนือ), ย่านเดือยบิด (สุราษฎร์ธานี), พิษ (ภาคกลาง) เป็นต้น … เยอะเน๊อะ!
ต้นโมกเครือ
โมกเครือ เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มักจะเลื้อยขึ้นพันไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก เมื่อต้นยังเล็กจะมีลักษณะคล้ายเป็นทรงพุ่ม แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นก็จะเริ่มชูยอดเลื้อยพันหรือทอดเลื้อย
ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ผิวใบเรียบเป็นมันเงา เส้นใบย่อยเป็นร่องชัดเจน ดูเป็นลอนๆ เส้นใบจะไปไม่ถึงขอบใบ แต่จะเชื่อมติดกันเป็นเส้นโค้งขนานกับขอบใบ ปลายใบเรียวแหลม ที่ยอดอ่อน ก้านใบ ข้อใบและใบอ่อนจะมีสีแดง สีสันสดใส สะดุดตา สีตัดกับใบแก่สีเขียวเข้ม สวยงามมาก
ดอกโมกเครือ ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด หรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ในแต่ละช่อจะมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกสีขาว ดอกมีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ เรียงเวียนกัน โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 แฉก
ดอกโมกเครือมีกลิ่นหอมโชยอ่อนๆ ตลอดวัน แต่ส่งกลิ่นหอมแรงขึ้น และส่งกลิ่นหอมโชยได้ไกล ในตอนเช้าและในช่วงเย็นๆ โดยเฉพาะช่วงที่โมกเครือออกดอกดกๆ และดอกบานพร้อมกันทั้งต้น จะดูสวยงามและส่งกลิ่นหอมกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียง กลิ่นหอมชื่นใจและน่าประทับใจมากครับ แต่ละดอกบานได้ 1-2 วันก็โรยแล้วครับ
โมกเครือ มียอดอ่อน ก้านใบ ข้อใบ ใบอ่อนจะมีสีแดง และผิวใบเป็นมันเงา สวยงามมาก
หากติดผล ผลโมกเครือจะเป็นฝักคู่เรียวกลม ฝักยาวๆ เมื่อฝักแก่จะแตกอ้า ภายในฝักจะมีเมล็ดสีน้ำตาล
มีขนฟูๆสีขาวติดที่ปลายเมล็ดด้านหนึ่ง ปลิวตามลมไปตกไกลๆได้ดี โมกเครือจึงสามารถนำมาขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดได้ครับ และสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำกิ่ง หรือตัดเถาที่เลื้อยทอดไปตามพื้นดินแล้วแตกรากออกมาตามข้อ พร้อมทั้งแตกยอดเจริญเติบโตขึ้นเป็นต้นใหม่ ซึ่งสามารถขุดแยกนำไปปลูกได้
การใช้ประโยชน์ไส้ตันในด้านอาหาร ใบนำมาใส่ในแกงอ่อม ยอดอ่อน ใบสด ใช้ปรุงอาหาร ใช้จิ้มน้ำพริก หรือกินกับเมี่ยง
สำหรับคุณค่าทางอาหารในไส้ตัน 100 กรัม จะมีโปรตีน 9.53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 3.85 เปอร์เซ็นต์ เถ้า 9.11 เปอร์เซ็นต์ เยื่อใยส่วน ADF 31.2 เปอร์เซ็นต์ NDF 32.8 เปอร์เซ็นต์ NFE 65.14 เปอร์เซ็นต์ ลิกนิน 9.3 เปอร์เซ็นต์
การใช้ประโยชน์ไส้ตันในด้านสมุนไพร
• ยอดไส้ตันใช้แก้ท้องเสีย
• ต้น ในตำรายาไทยเนื่องจากต้นมีรสเฝื่อน ฝาด จึงนำมาเข้ายารักษาประดง (อาการปวดผิวหนังมีผื่นคัน คล้ายผด คันมากมักมีไข้ร่วม) แก้พิษฝีภายใน
• ในตำรายาพื้นบ้าน ใช้ต้นผสมกับผลมะตูมอ่อน เถาสิงโตทั้งต้น และว่านมหากาฬทั้งต้น ต้มน้ำดื่ม รักษาเบาหวาน
• รากบำรุงกำลังช่วงฟื้นไข้ แก้ไตพิการ (ปัสสาวะขุ่นข้น สีเหลืองหรือแดง มีอาการแน่นท้องกินอาหารไม่ได้) และตับพิการ บำรุงและขับฤดู หรือผสมแก่นลั่นทมต้มน้ำดื่มเป็นยาระบาย
• ใบแก้เมื่อยขบ เข้ายาทารักษาฝีและ ริดสีดวงทวาร
(วงศ์สถิตย์และคณะ, 2543)
ประโยชน์ของโมกเครือ
ยอดอ่อนนำมากินเป็นผัก หรือกินกับเมี่ยงทางภาคอีสาน คนสมัยก่อนนำลำต้นหรือเครือ มาทำหลอดด้าย
หมอพื้นบ้านสระบุรีใช้ทั้งต้นต้มกินรักษามะเร็ง แก้ไขข้อมูลเมื่อ 30 Aug 24 10:36
คำสำคัญ:
ไส้ตัน
พันธุ์ไม้หายาก