ฟักข้าว(ชะลอความแก่)

ฟักข้าว(ชะลอความแก่)
ด้านในผลส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงๆ จะมี มีไลโคปีนมากกว่าในมะเขือเทศถึง 70 เท่า และเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอทถึง 10 เท่า
สารเหล่านี้ล้วนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรง ชะลอความชราก่อนวัยอันควร ช่วยการไหลเวียนของเลือด ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ดวงตาแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็ง ดูแลระบบการไหลเวียนโลหิตภายในร่างกาย สุขภาพของหลอดเลือด และเสริมสุขภาพของต่อมลูกหมาก สารสกัดเยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าว ลดรอยเหี่ยวย่น

สรรพคุณของฟักข้าวและวิธีใช้ ส่วนที่ใช้ประโยชน์ของฟักข้าวคือ ผลอ่อน ราก ใบ และเมล็ด ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณแตกต่างกันดังต่อไปนี้
- ใบ ปรุงเป็นยาเขียว ใช้ถอนพิษ ดับพิษทุกชนิด ตำพอกแก้ปวดหลัง
- ยอด มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในปริมาณที่สูง
จึงสามารถใช้รักษามะเร็ง
- เมล็ด ใช้บำรุงปอด แก้ท่อน้ำดีอุดตัน และแก้วัณโรค
- ราก ใช้ต้มดื่ม หรือตากแห้ง บดเป็นผงแล้วปั้นขนาด 0.5 กรัม กินครั้งละ 3-5 เมล็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น ขับเสมหะ ดับพิษไข้ แก้เข้าข้อ ปวดตามข้อ ถอนพิษไข้ นอกจากนี้หากนำส่วนของรากแช่น้ำ แล้วใช้น้ำสระผม จะช่วยแก้ผมร่วง และฆ่าเหาได้
ใช้ปรุงเป็นอาหาร:

- ยอดและผลอ่อนของฟักข้าวมาปรุงอาหารรับประทานกันในรูปแบบต่างๆ
ผักต้ม ใช้ยอด ผลดิบ(สีเขียว) นึ่งหรือต้ม รับประทานกับแจ่ว ป่น ลาบ
- ผลแก่นิยมนำเยื่อหุ้มเมล็ดในผลแก่มาผสมกับข้าวสารแล้วนำไปหุงรับประทาน
สามารถช่วยบำรุงสายตา แก้ปัญหาการมองไม่เห็นในช่วงกลางคืนได้

เมนูแนะนำ
แกงส้มลูกฟักข้าว
ส่วนผสม
:ผลอ่อนฟักข้าว ๑ ถ้วย ปลา ๑ ตัว เครื่องแกง (พริกแห้ง ๕ เม็ด หอม ๓ หัว กระเทียม ๓ กลีบ กะปิ ๑ ช้อนชา เกลือ ๑ ช้อนชา) มะขามเปียก
วิธีทำ
:โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด ใส่ปลาหั่นเป็นชิ้น พอปลาใกล้สุก ใส่ฟักข้าว น้ำมะขามเปียก ชิมรส ได้ที่ยกลง
น้ำฟักข้าว( ต้องใช้ฟักข้าวสุก)
1.แยกเยื่อหุ้มเมล็ดออกจากเมล็ดก่อน
2.ใช้ชอนควักเอาเนื้อของผลออกมาด้วย (เนื้อจะทำให้น้ำฟักข้าวเนียนนุ่มน่ารับประทาน)
3.นำเนื้อผลและเยื่อหุ้มเมล็ดมาปั่นรวมกันเติมน้ำเสารส (หรือผลไม้อื่นๆที่มีรสเปรี้ยว) ตามชอบ
4.ละลายน้ำตาลในหม้อให้ละลายให้หมดก่อน แล้วเติมส่วนผสมจากข้อ 3 ลงไปคนให้เข้ากันกับน้ำละลาย
(สังเกตุการคนครั้งแรกจะเกิดฟองอากาศค่อนข้างมาก แต่เมื่อคนไปเรื่อยๆ ฟองจะลดลงจนหายไป) ในขณะที่ต้มคนบ่อย ๆจะได้ไม่ไหม้ที่ก้นหม้อต้ม
6.เมื่ออุณหภูมิได้ที่แล้วนำไปลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วด้วยน้ำ โดยนำน้ำใส่กาลมังแล้วนำหม้อต้มไปแช่และกวนไปด้วยให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นน้ำเย็นได้ยิ่งดี
7.บรรจุขวดปิดฝาให้สนิท แช่น้ำเย็นอีกครั้งหนึง ก่อนนำเข้าตู้เย็นในช่องธรรมดา ให้เย็นจัดจะอร่อยมาก
!!!!!!ข้อควรระวัง.... ควรเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นตลอดเวลา หรือให้อยู่ในความเย็น เก็บไว้ทานได้ ประมาณ 15-20 วัน ไม่เสีย
แก้ไขข้อมูลเมื่อ 20 Jul 15 10:19