มะขามเปรี้ยวยักษ์ฝักดาบ

มะขามเปรี้ยวพันธุ์ฝักยักษ์ เป็นไม้ผลที่ปลูกได้ง่าย สามารถขึ้นได้ดีในดินแทบทุกชนิด ทนแล้งได้ดี มีคุณสมบัติพิเศษคือฝักใหญ่เนื้อแน่นและดกสุดๆ ให้ผลผลิตสูงขนาดฝักดิบแก่มีน้ำหนักประมาณ 4 ฝักต่อ 1 กิโลกรัม เมื่อแก่เป็นมะขามเปียก เนื้อจะมีสีแดง และเปรี้ยวเป็นสองเท่าของมะขามทั่วไป ซึ่งในขณะนี้เป็นพืชเศรษฐกิจราคาดีกว่าไม้ผลชนิดอื่น เป็นไม้ผลที่มีราคาดีทุกฤดูกาล ทำเงินให้เกษตรกรเป็นที่พอใจ ขายได้ทุกฤดู เช่น มะขามอ่อนขายส่งตลาดราคาดี มะขามดิบขายหรือทำมะขามแช่อิ่ม หรือ ส่งโรงงานผลไม้ดอง มะขามสุกใช้ทำมะขามเปียก ใช้แปรรูปได้หลายอย่าง ในอุตสาหกรรมอาหาร – เครื่องดื่ม – อุตสาหกรรมฯลฯ และสามารถส่งเป็นสินค้าออก ทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายล้านบาท
ลักษณะประจำพันธุ์
ต้น เป็นทรงพุ่มเตี้ย รูปวงกลม
ใบ ใบจะเรียงตัวแบบสลับ ความยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ใบย่อยจะเรียงตัวเป็นคู่ ประมาณ 10-20 คู่ เมื่อใบแก่จะสลับใบทิ้งแล้วแตกใบอ่อนขึ้นมาแทนในราวเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน
ดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ คือมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน มีสีเหลืองริ้วแดง เริ่มออกดอกรุ่นแรกประมาณกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ระยะจากการออกดอกถึงดอกบานใช้เวลาประมาณ 17 วัน จากดอกบานถึงดอกติดฝักใช้เวลาประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นอีกประมาณ 238 - 258 วัน ฝักก็จะแก่ สามารถเก็บเกี่ยวได้
ฝัก ลักษณะฝักดาบ ฝักใหญ่เนื้อแน่น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
4-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2
7-30 เซนติเมตร
การปลูกมะขามเปรี้ยวยักษ์
ควรมีการไถพรวนกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกเสียก่อน ต่อจากนั้นกำหนดหลุมปลูกในแปลงโดยใช้ระยะปลูก 8 x 8 เมตร (ระยะห่างระหว่างแถว 8 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 8 เมตร)ซึ่งจะปลูกได้ 25 ต้นต่อไร่
ควรมีการเตรียมหลุมปลูกขนาด กว้าง x ลึก เท่ากับ 50 x 50 เซนติเมตร ดินที่ขุดจากหลุมปลูกให้แยกเป็นสองกอง คือดินชั้นบนและดินชั้นล่าง ตากดินที่ขุดขึ้นมาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วผสมดินทั้งสองกองด้วยปุ๋ยคอกประมาณ 1 บุ้งกี๋แกลบดำ 1 บุ้งกี๋ต่อหลุม จากนั้นจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุมก่อนแล้วจึงกลบทับด้วยดินชั้นล่าง
วิธีการปลูกต้นพันธุ์แบบการทาบกิ่ง
• พยายามอย่าให้ดินในถุงเพาะแตก ห้ามฉีกถุงให้ใช้วิธีบีบถุงแล้วปั้นดินในถุงด้วย 2 มือ แล้วเอียงตะแคงถุง ใช้เทออกโดยใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ขยุ้มกันถุงแล้วดึงออก
• เอาถุงต้นพันธุ์ลงหลุมกลบดินให้แน่น อย่าให้ดินกลบทับรอยทาบกิ่ง โดยให้รอยทาบอยู่เหนือดิน
• ปักไม้กันลมโยกให้แน่น แล้วมัดด้วยเชือกฟาง จำนวน 2 เปลาะ เปลาะแรกให้มัดต้นพันธุ์ที่เหนือรอยทาบกับหลักให้แน่น เปลาะที่ 2 ให้มัดตรงกลางลำต้นพันธุ์ให้แน่นด้วยเชือกฟาง แล้วปล่อยยอดต้นพันธุ์ให้เป็นอิสระ
• เวลาปลูก ดินจะต้องเปียกชุ่ม แต่ถ้าหากดินไม่เปียกชุ่ม หลังปลูกแล้วต้องรดน้ำให้ชุ่ม
• หลังจากปลูกแล้ว 1 สัปดาห์ หรือไม่เกิน 2 สัปดาห์ ให้ใช้ใบมีดกรีดเทปรอยทาบออก โดยทำอย่างระมัดระวังอย่าให้แผลฉีก และต้องมั่นใจว่าได้มัดกิ่งพันธุ์ไว้แน่นแล้วทั้ง 2 เปลาะ ถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้องแล้ว เวลาโดนลมพัดโยกไปมาอาจจะทำให้รอยแผลทาบฉีกและต้นพันธุ์ตายได้
ฤดูปลูก
สำหรับฤดูปลูกควรจะปลูกต้นฤดูฝน เพราะเมื่อปลูกเสร็จแล้วต้นมะขามเปรี้ยวที่ยังเล็กอยู่จะได้รับน้ำฝน สามารถตั้งตัวได้ดีก่อนจะเข้าถึงฤดูแล้ง ต้นมะขามเปรี้ยวที่ปลูกใหม่ควรจะยึดกับหลักเพื่อขึ้นตรงไม่โค่นล้มเนื่องจากลมแรง หากปลูกด้วยกิ่งทาบหลังปลูกแล้วจำเป็นต้องแกะเอาเชือกฟางหรือผ้าพลาสติกตรงรอยต่อออกเพราะถ้าไม่ได้แกะต้นมะขามเปรี้ยวแคระแกร็นหรืออาจจะตายได้
การปลูกมะขามเปรี้ยวพันธุ์นี้ มีด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ ปลูกแบบทำเป็นการค้า ต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงตามสูตรที่ให้มา จึงจะให้ผลผลิตตามที่เราต้องการ ส่วนการปลูกแบบธรรมชาติ ให้เทวดาเลี้ยงจะต้องรดน้ำครั้งหรือสองครั้งตามความจำเป็น ถ้าสภาพดินยังพอใช้ได้อยู่ หลังจากปลูกแล้ว 3 ปีมะขามก็จะเริ่มออกดอกและติดฝัก ในช่วงนี้อย่าเพิ่งให้ฝักมะขามโตควรจะเก็บออกขายเป็นมะขามอ่อนก่อน เพราะไม่อย่างนั้นแล้วต้นจะโทรมและโตช้า มะขามเปรี้ยวเป็นพืชที่ขึ้นและเจริญเติบโตได้ดีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ทั้งทนแล้ง ทนน้ำท้วมได้ดี แต่หากคิดจะทำเป็นการค้าแล้วก็ต้องดูแลและบำรุงเป็นพิเศษ แม้ว่ามะขามเปรี้ยวพันธุ์ยักษ์จะเป็นพันธุ์ที่ให้ผลดกอยู่แล้วก็ตาม แต่การให้ผลที่ดกมากก็ทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน นั่นคือเมื่อมะขามให้ผลผลิตมากเกินไปก็จะทำให้ต้นโทรมและทำให้ไม่ติดดอกในปีต่อมา มีวิธีแก้ปัญหาโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือขี้ไก่ หรือ สูตรเคมีสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 8-24-24 เมื่อใส่ปุ๋ยบำรุงแล้วใบจะเขียวเข้มและสมบูรณ์ แก้ไขข้อมูลเมื่อ 25 Sep 15 04:11