ทุเรียน

- ราคาสูงกว่าพันธุ์อื่น

- ติดผลดีมากน้ำหนักผลดี

- เนื้อมากเมล็ดลีบ มีกลิ่นน้อย เนื้อละเอียดแห้ง ไม่เละ ผลสุกแล้วเก็บไว้ได้นาน

-ไม่ค่อยเป็นไส้ซึม

- อ่อนแอต่อโรครากเน่าโคนเน่า

ลำต้นแข็งแรงทนต่อโรคแมลงได้สูง ใบมีขนาดใหญ่กว่าใบทุเรียนพันธุ์ไทยทั่วไป รูปทรงของผลสวย ผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 2 กิโลกรัมต่อผล เนื้อในสุกเป็นสีแดงเข้ม เนื้อละเอียดเหนียว เมล็ดเล็กและลีบบาง รสชาติหวานหอมมันรับประทานอร่อยมาก ติดดอกและติดผลดกไม่น้อยกว่า 600 ผลต่อต้นตามฤดูกาล บางครั้งมีดอกติดผลปีละ 2 หน ขยายพันธุ์ด้วยระบบเสียบยอด ปลูกแล้วให้ผลผลิตหลังปลูก 4–5 ปี

1. เมื่อสุกแก่เต็มที่รสชาติยังอร่อย เนื้อคงรูป และไม่ขม

2. ต้านทานโรครากเน่าและโรคโคนเน่าได้อย่างดี

3. เป็นทุเรียนพันธุ์เบา ตั้งแต่ดอกบานถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลา 90 วัน

4. ต้นแข็งแรง โยงกิ่งน้อย

5. ทนโรคไฟท๊อปมากกว่าต้นทุเรียนหมอนทอง

1. ผลบริเวณก้นแตกง่าย

2. อ่อนไหวต่อใบอ่อน เนื่องจากเป็นทุเรียนเมล็ดลีบทำให้ไปแย่งอาหารกับใบไม่ไหว

3. โตช้ากว่าทุเรียนหมอนทอง กิ่งถี่ กิ่งตั้ง กิ่งข้างอยากจะเป็นกิ่งยอดอยู่ตลอดเวลา ต้องแต่งกิ่งบ่อยๆ

4. กิ่งพันธุ์ราคาแพง

1. เลือกต้นที่มีความแข็งแรง ตรงตามสายพันธุ์ที่ต้องการ

2. ต้นตอเป็นพันธุ์พื้นเมือง ทนทานต่อโรครากเน้าโคนเน่า

3. ระบบรากไม่ขดหรืองอ

4. ต้นมีใบหนาและเขียวเข้ม

ลำต้น : เป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่มสูงโปร่ง ลำต้นกลม เปลือกลำต้นแข็งขรุขระสีเทา

ใบ : เป็นใบเดี่ยว รูปไข่ ปลายเรียวแหลม ผิวใบเรียบลื่น ใบด้านบนมีสีเขียว มีนวล ใบด้านล่างมีสีน้ำตาล

ดอก : ออกเป็นช่อบนลำต้นและบนกิ่ง สีขาว มีกลิ่นหอม

เมล็ด : ลีบเล็ก บางผลเมล็ดลีบทั้งผล

ผล : ผลกลมรูปไข่ฐานผลค่อนข้างกลมหรือนูนขึ้นมาเล็กน้อยตรงบริเวณหนามรอบขั้วผลปลายผลมนหรือกลม หนามผลทรงพีรามิดขอบหนามโค้งเข้าเปลือกผลมีสีเขียวร่องพูไม่ชัดเจน เนื้อมาก ละเอียด เหนียว ไม่มีเส้นใยสีเหลือง ค่อนข้างจัดรสชาติหอมหวานมันกลิ่นอ่อน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Durio Zibethinus ( L.)

ชื่อภาษาอังกฤษ : Musang

ชื่ออื่นๆ : มูซาคิง, มูซานคิง, เหมาซังคิง, เหมาซานหว่อง, เหมาซานหวัง

โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ติดตา ทาบกิ่ง และเสียบยอด

ปลูกได้ในดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดจัด

นินมปลูกเพื่อรับประทานผล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Durio zibthinus murray

ชื่อภาษาอังกฤษ : Puangmanee Durian

ลำต้น : เป็นไม้ยืนต้น มีทรงพุ่มสูงโปร่ง ลำต้นมีลักษณะกลม เป็นไม้เนื้อแข็ง มีเปลือกแข็งขรุขระจะลอกหลุดออก มีสีเทา

ใบ : เป็นใบเดี่ยว รูปไข่ ปลายเรียวแหลม ผิวใบเรียบลื่น ใบด้านบนมีสีเขียว มีนวล ใบด้านล่างมีสีน้ำตาล

ดอก : ออกดอกเป็นช่อ มีลักษณะรูปทรงระฆัง ดอกมีสีขาว มีกลิ่นหอม มีก้านดอกยาว ดอกจะออกบนลำต้นและบนกิ่ง

ผล : ทรงกลม ยาวรี ผิวเปลือกหนาแข็ง มีหนามแหลมยาว ผลอ่อนมีสีเขียว ผลสุกมีสีน้ำตาลปนเขียว มีเนื้อสีเหลืองสดเข้ม แยกอยู่เป็นพูชัดเจน ผลมีขนาดเล็ก มีเนื้อน้อย เนื้อละเอียดเหนียวนุ่ม มีรสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมมาก

เมล็ด : เมล็ดใหญ่สีน้ำตาล ทรงรีแข็ง ผิวเรียบลื่น ข้างในเปลือกเมล็ดมีสีขาว

โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การติดตา การทาบกิ่ง การเสียบยอด

ปลูกได้ในดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดจัด

- เปลือกทุเรียน มีสรรพคุณทางยาที่ช่วยรักษากลาก เกลื้อน

- เนื้อทุเรียน มีกำมะถันที่ให้ความร้อนแก่ร่างกาย พร้อมทั้งช่วยบำรุงกำลัง และช่วยขับพยาธิไส้เดือน ทุเรียนพวงมณีมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งสารอาหารชนิดนี้มีส่วนช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก และช่วยชะลอการเสื่อมของกระจกตา

- ใบทุเรียน นำมาใช้เพื่อขับพยาธิและแก้ดีซ่าน

นิยมรับประทานเป็นผลไม้

ข้อควรระวัง : ทุเรียนพวงมณีมีน้ำตาลสูง มีไขมันสูง มีความร้อนสูง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควรระวังในการรับประทาน

ควรเลือกพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำจืดเพียงพอตลอดปี สภาพดินที่ปลูก ควรเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย หรือดินเหนียวปนทราย ที่มีการระบายน้ำดีและมีหน้าดินลึก เพราะทุเรียนอ่อนแอต่อสภาพน้ำขัง ไม่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนจัดเย็นจัด และมีลมแรง เพราะจะทำให้ใบไหม้หรือใบร่วงเป็นผลให้ทุเรียนไม่เจริญเติบโตหรือเติบโตช้า ให้ผลผลิตน้อยและออกผลช้า ไม่คุ้มต่อการลงทุน

- ถ้ามีการจัดระบบการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ คือให้น้ำกับต้นทุเรียนได้สม่ำเสมอหลังปลูก ควรปลูกตั้งแต่เดือน มีนาคม-เมษายน

- ถ้าจัดระบบน้ำไม่ทันหรือไม่อาจดูแลเรื่องน้ำได้ ควรปลูกต้นฤดูฝน

- พื้นที่ดอนไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง ให้ไถกำจัดวัชพืชอย่างเดียว

- พื้นที่ดอนมีแอ่งที่ลุ่มน้ำขัง ให้ไถปรับสภาพพื้นที่ให้เรียบ

- พื้นที่ลุ่มมีน้ำท่วมขัง ให้ทำทางระบายน้ำ หรือยกร่อง

ระยะระหว่างต้นและระหว่างแถวด้านละ 9 เมตร ปลูกได้ไร่ละ 20 ต้น

3.1 การปลูกทุเรียนแบบขุดหลุมปลูก

1. ขุดหลุมขนาดกว้างและลึกด้านละ 50 เซนติเมตร
2. ผสมปุ๋ยคอกประมาณ 5 กิโลกรัม และปุ๋ยฟอสเฟตตรึ่งกิโลกรัม คลุกเคล้ากับดินที่ขุดขึ้นมา แล้วนำไปกลบกับคืนในหลุมประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
3. เตรียมต้นกล้าที่แข็งแรง ไม่เป็นโรค ใช้มีดกรีดก้นถุง ถ้าพบรากขดงออยู่ก้นถุงให้ตัดออก
4. วางต้นกล้าในหลุม ให้รอยต่อระหว่างต้นพันธุ์และต้นตออยู่สูงกว่าระดับดิน แล้วกลบดินที่เหลือลงไปในหลุม ปักไม้หลักข้างต้นทุเรียนกันลมพัดโยก กดดินบริเวณโคนต้น หาวัสดุคลุมแล้วรดน้ำตาม
5. ทำร่มเงาให้กับทุเรียนที่ปลูกใหม่
6. เมื่อปลูกไปแล้ว 1-2 เดือน ให้แกะผ้าพลาสติกที่พันรอบเสียบยอดออก

3.2 การปลูกทุเรียนแบบไม่ขุดหลุม

1. โรยปุ๋ยฟอสเฟต 500 กรัม ตรงตำแหน่งที่ต้องการปลูก นำต้นพันธุ์มาวาง แล้วถากดินข้างๆ ขึ้นมาพูนกลบ หรือนำดินจากที่อื่นมากองไว้ที่ตำแหน่งที่ปลูกเส้นผ่านศูนย์กลางของกองดินประมาณ 1 เมตร สูง 15 เซนติเมตร แหวกกองดินแล้วโรยปุ๋ยฟอสเฟตในกองดินที่แหวกไว้ แล้วกลบดินบนปุ๋ยฟอสเฟตบางๆ
2. วางต้นทุเรียนบนดินที่แหวกไว้ ระวังอย่ากลบดินให้สูงถึงรอยเสียบยอด
3. กดดินบริเวณโคนต้น หาวัสดุคลุมแล้วรดน้ำตาม
4. ทำร่มเงาให้กับทุเรียนที่ปลูกใหม่

3.3 การปลูกระบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะปลูก 8*8 เมตร หรือ 10*10 เมตร

3.4 การปลูกระบบแถวกว้างต้นชิดระยะปลูกระหว่างแถวและต้น 10*5 เมตร หรือ 12*6 เมตร

1. ชื่อวิทยาศาสตร์ : Durio zibethinus L. ‘Moan Thong’
2. ลำต้น : ไม้ยืนต้น ทรงพุ่มสูงโปร่ง ลำต้นกลม สีเทา เปลือกแข็งขรุขระหลุดลอกออก
3. ใบ : เป็นใบเดี่ยว ใบรูปไข่ ใบเรียวแหลม โคนใบแหลม ผิวใบเรียบลื่น ใบด้านบนมีสีเขียว มีนวล ใบด้านล่างมีสีน้ำตาล
4. ดอก : ออกเป็นช่อบนลำต้นและบนกิ่วง ดอกสีขาว ดอกคล้ายรูประฆัง มีกลิ่นหอม มีก้านดอกยาว บานตอนกลางคืน
5. ผล : เป็นผลเดี่ยว ก้านขั้วแข็ง ผลทรงกลม ยามรี ปลายผลแหลม ผิวเหลือกหนาแข็ง เปลือกมีหนามแหลม ระหว่างหนามใหญ่จะมีหนามเล็กวางแซม ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีน้ำตาลปนเขียว มีเนื้อสีเหลืองอ่อน แยกอยู่เป็นพู เนื้อหนา ค่อนข้างแห้ง มีรสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
6. เมล็ด : สีน้ำตาล เมล็ดลีบ ทรงรีแข็ง เปลือกเมล็ดสีน้ำตาลอ่อน ผิวเรียบลื่น ข้างในเปลือกเมล็ดมีสีขาว

โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การติดตา การทาบกิ่ง การเสียบยอด

ปลูกได้ในดินทุกชนิด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดด ไม่ชอบดินชื้นแฉะ

ช่วยสมานแผล ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ช่วยขับพยาธิ ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงฟัน มีภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง

หากปลูกไว้ในบริเวณบ้าน เชื่อว่าผู้อยู่อาศัยจะเป็นผู้มีความรู้ แก่วิชาการเรียน หรือเป็นผู้รู้มาก

ผลนำมารับประทานเป็นผลไม้สด หรือแปรรูป