ค้นหาสินค้า

โนรา

ขายต้นโนรา ราคาถูก การปลูกโนรา วิธีดูแล และการขยายพันธุ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อสามัญ ลักษณะโนรา ดอกและสรรพคุณ

ต้นโนรา

ต้นโนรา กำลังช้างเผือก
ต้นโนรา กำลังช้างเผือก เมืองนครราชสีมา นครราชสีมา

ราคา 200.00 บาท /ต้น

#โนรา ราคาต้นละ 190 บาท สนใจสอบถามได้นะคะ
#โนรา ราคาต้นละ 190 บาท สนใจสอบถามได้นะคะ กันทรวิชัย มหาสารคาม

ราคา 190.00 บาท

โนรา
โนรา เมืองลำปาง ลำปาง

ราคา 80.00 บาท

โนรา
โนรา เมืองปราจีนบุรี ปราจีนบุรี

ราคา 150.00 บาท

ต้นกำลังช้างเผือก
ต้นกำลังช้างเผือก แก่งคอย สระบุรี

ราคา 50.00 บาท /ต้น

จังหวัดที่ขายต้นโนรา

นครราชสีมา (1 ร้าน)

ปราจีนบุรี (1 ร้าน)

มหาสารคาม (1 ร้าน)

ลำปาง (1 ร้าน)

สระบุรี (1 ร้าน)

ดูสินค้าหมวด ต้นโนรา ทั้งหมดในเว็บ

ลักษณะพฤกษศาสตร์ของต้นโนรา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hiptage benghalensis (L.) Kurz

ชื่ออื่นๆ : สะเลา, พญาช้างเผือก, กำลังช้างเผือก, แหนปีก

ลำต้น : เป็นไม้เลื้อย เถาเป็นสีเขียว กลมเกลี้ยง เนื้อไม้แข็ง ลำต้นแตกกิ่งก้านเล็กและห้อยลง

ใบ : เป็นใบเดี่ยว รูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ท้องใบมีขน มีต่อมเล็กๆ ใกล้ฐานใบ

ดอก : ออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกสีขาวหรือสีชมพูอ่อน กลางดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นดอกส้มโอ หอมตลอดวัน ช่วงอากาศเย็นหอมมาก

ผล : เป็นผลแห้งไม่แตก สีแดง ผลรูปกระสวย ปลายแหลม มีปีก 3 ปีก ปีกกลางมีขนาดใหญ่

โนรา

การขยายพันธุ์ของต้นโนรา

เพาะเมล็ด และตอนกิ่ง

การดูแลต้นโนรา

ปลูกได้ในดินร่วน ต้องการน้ำมาก ชอบแดดรำไร

สรรพคุณทางสมุนไพรของต้นโนรา

- แก่น เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงโลหิต บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยขับลม เป็นยาบำรุงกำหนัด บำรุงเส้นเอ็น

- เปลือกต้น รักษาแผลสด เป็นยาบำรุงโลหิต บำรุงธาตุ บำรุงเส้นเอ็น

- ใบ แก้โรคผิวหนัง

ประโยชน์ของต้นโนรา

นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ


ลักษณะพฤกษศาสตร์ของโนรา (3443)

ชื่อวิทยาศาสตร์:    Hiptage beghalensis  (Linn) Kurz.
ชื่อวงศ์:    MALPIGHIACEAE
ชื่อสามัญ:    -
ชื่อพื้นเมือง:    กำลังช้างสาร  พญาช้างเผือก  สะเลา (เหนือ)
ลักษณะทั่วไป:
    ต้น    เป็นไม้เลื้อยเถาใหญ่มีเนื้อแข็ง และสามารถเลื้อยไปได้ไกลและรวดเร็วด้วย แต่ถ้าปลูกโนราไว้กลางแจ้งก็อาจจะกลายเป็นไม้พุ่มได้หรือ ก็จะขดเป็นพุ่มเถาโนรามีสีเขียว กลมและเกลี้ยง
    ใบ    เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ใบสีเขียวเข้มลักษณะใบเป็นรูปขอบขนาน รูปไข่หรือ รูปไข่กลับ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนและมีต่อมนูนอยู่ 2 ต่อม ใบอ่อนจะเป็นสีเทา
    ดอก    ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง และจะมีขน ดอกมีสีขาว หรือสีขาวอมชมพูเรื่อ ๆ มีกลิ่นหอมคล้ายดอกส้มโอ ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน ก็จะร่วงและจะมีดอกใหม่ทยอยบายอยู่เรื่อย ๆ ดอกจะมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบหนึ่งมีต่อมนูน มีกลีบดอก 5 กลีบ และแต่ละกลีบจะมีขนาดไม่เท่ากัน มีกลีบใหญ่อยู่ในสุดและจะมีสีเลืองแต้ม กลีบดอกมักจะยู่ยี่ ขอบกลีบดอกจักหรือเนินเป็นครุยมีเกสรตัวผู้ 10 อัน และมี 1 อัน ที่มีขนาดใหญ่กว่าอันอื่น ๆ   
ฤดูกาลออกดอก:    ประมาณเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์
การขยายพันธุ์:    -เพาะเมล็ด
                          -การตอนกิ่ง เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดเนื่องจากออกรากง่าย และไม่มีความจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมน
                          -การปักชำ
ส่วนที่มีกลิ่นหอม:    ดอกหอมตลอดวัน ช่วงที่อากาศเย็นจะหอมมาก  
ถิ่นกำเนิด:    ภาคใต้ของประเทศไทย