ลักษณะของอ้อยพันธุ์อู่ทอง 84-10 และพันธุ์อู่ทอง 84-11 (3929)
อ้อยพันธุ์อู่ทอง 84-10
มีลักษณะเด่น คือ หากปลูกในเขตชลประทานจะให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 19.77 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ซึ่งเป็นพันธุ์อ้อยมาตรฐาน คิดเป็นร้อยละ 41 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 71 ทั้งยังให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.85 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 39 และสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 70 ขณะที่ให้ความหวานอยู่ที่ 14.42 ซีซีเอส ถ้าปลูกในเขตที่มีน้ำเสริมจะให้ผลผลิตเฉลี่ย 15.28 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 11 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 19 และให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.12 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 17 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 15 ส่วนความหวานอยู่ที่ 13.83 ซีซีเอส นอกจากนั้นยังต้านทานโรคเหี่ยวเน่าแดงปานกลาง ทั้งนี้ ไม่ควรปลูกอ้อยอู่ทอง 84-10 ในเขตที่มีการระบาดของหนอนกออ้อย
สำหรับอ้อยพันธุ์อู่ทอง 84-11
ว่าเดิมชื่ออ้อยโคลน 02-2-226 ได้จากการผสมข้ามระหว่างอ้อยพันธุ์แม่ 93-2-085 กับพันธุ์พ่อ 92-2-065 ซึ่งอ้อยพันธุ์ใหม่นี้มีลักษณะเด่น คือ ถ้าปลูกในพื้นที่เขตชลประทานจะให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 18.24 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 30
สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 58 ให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.67 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 30 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 59 และให้ความหวาน 14.66 ซีซีเอส ถ้าในเขตที่มีน้ำเสริมให้ผลผลิตเฉลี่ย 13.25 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 15 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 31 ขณะที่ให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 1.75 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 18 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 24 ส่วนความหวาน อยู่ที่ 13.21 ซีซีเอส นอกจากนั้นยังสามารถต้านทานโรคเหี่ยวเน่าแดง และโรคแส้ดำได้ปานกลางด้วย
ข้อมูลจาก : จดหมายข่าว ผลิใบ ก้าวใหม่การวิจัยและพัฒนาการเกษตร
ที่มา : กรมวิชการเกษตร
มีลักษณะเด่น คือ หากปลูกในเขตชลประทานจะให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 19.77 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ซึ่งเป็นพันธุ์อ้อยมาตรฐาน คิดเป็นร้อยละ 41 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 71 ทั้งยังให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.85 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 39 และสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 70 ขณะที่ให้ความหวานอยู่ที่ 14.42 ซีซีเอส ถ้าปลูกในเขตที่มีน้ำเสริมจะให้ผลผลิตเฉลี่ย 15.28 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 11 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 19 และให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.12 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 17 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 15 ส่วนความหวานอยู่ที่ 13.83 ซีซีเอส นอกจากนั้นยังต้านทานโรคเหี่ยวเน่าแดงปานกลาง ทั้งนี้ ไม่ควรปลูกอ้อยอู่ทอง 84-10 ในเขตที่มีการระบาดของหนอนกออ้อย
สำหรับอ้อยพันธุ์อู่ทอง 84-11
ว่าเดิมชื่ออ้อยโคลน 02-2-226 ได้จากการผสมข้ามระหว่างอ้อยพันธุ์แม่ 93-2-085 กับพันธุ์พ่อ 92-2-065 ซึ่งอ้อยพันธุ์ใหม่นี้มีลักษณะเด่น คือ ถ้าปลูกในพื้นที่เขตชลประทานจะให้ผลผลิตน้ำหนักเฉลี่ย 18.24 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 30
สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 58 ให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.67 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 30 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 59 และให้ความหวาน 14.66 ซีซีเอส ถ้าในเขตที่มีน้ำเสริมให้ผลผลิตเฉลี่ย 13.25 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 15 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 31 ขณะที่ให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 1.75 ตันซีซีเอส/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ K 84-200 ร้อยละ 18 สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 3 ร้อยละ 24 ส่วนความหวาน อยู่ที่ 13.21 ซีซีเอส นอกจากนั้นยังสามารถต้านทานโรคเหี่ยวเน่าแดง และโรคแส้ดำได้ปานกลางด้วย
ข้อมูลจาก : จดหมายข่าว ผลิใบ ก้าวใหม่การวิจัยและพัฒนาการเกษตร
ที่มา : กรมวิชการเกษตร