สนฉัตร

ต้นสนฉัตรช่วยส่งเสริมในด้านของชื่อเสียงและเกียรติยศต่าง ๆ ให้กับผู้ปลูก อีกทั้งยังเพิ่มบารมีให้แก่สมาชิกในครอบครัว ให้ได้รับเกียรติความสง่าและความรักอยู่เสมอ เพราะต้นสนฉัตรรูปทรงคล้ายฉัตร ถือว่าเป็นของมงคล ซึ่งฉัตรจะสื่อถึง ความมีเกียรติยศ ความสง่างาม ควรปลูกสนฉัตรทางทิศเหนือของตัวบ้าน เนื่องด้วยรูปทรงลักษณะที่สวยงาม ทำให้เกิดแรงจูงใจ จุดสนใจ ให้คนมองเห็นในสิ่งที่ดีงามของเจ้าของบ้าน ควรปลูกในวันเสาร์ และผู้ปลูกควรเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หรือเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีก็จะเป็นสิริมงคลยิ่งนัก

- ปลูกในดินที่มีความร่วนซุย เป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดด และชอบน้ำพอประมาณ รดน้ำได้ทุกๆ 3-5 วันต่อครั้ง

- ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก เพื่อบำรุงปีละ 3-5 ครั้ง

- การให้น้ำมากเกินไปอาจจะทำให้ใบซีดและร่วงเยอะขึ้น

- โรคของต้นสนฉัตรส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อรา ทำให้ใบสนฉัตรมีสีเหลืองหรือสีน้ำตาล ใบร่วง การป้องกันกำจัดสามารถใช้สารเคมีป้องกัน และกำจัดเชื้อราฉีดพ่นทุก 1-2 เดือน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีความชื้นมาก

- ศัตรูธรรมชาติที่พบได้บ่อยของต้นสนฉัตร คือ ไรแดง เพลี้ยแป้ง และปลวก

มี 2 วิธี คือ ปลูกด้วยเมล็ด และการปักชำ

เพาะเมล็ดในแปลงเพาะหรือหยอดเมล็ดในกระถาง โดยใช้ดินที่มีความร่วนซุย แล้วกลบด้วยดินบางๆ หรือโรยด้วยปุ๋ยคอก แล้วจึงรดน้ำให้ชุ่ม

ข้อดี : ต้นสนฉัตรเติบโตเร็ว โตแล้วกิ่งจะแทงแตกออกเป็นชั้น ๆ เป็นระเบียบสวยงาม ขนาดลำต้นตรงจะยาว

ข้อเสีย : ปล้องมีขนาดยาว ไม่สามารถควบคุมรูปทรงได้ ไม่เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ประดับตกแต่ง

ใช้กิ่งจากต้นที่ปลูกด้วยเมล็ด โดยต้นนั้นตะต้องแตกกิ่งประมาณ 3-6 ชั้นก่อนตัดปักชำ เมื่อตัดกิ่งแล้วนำกิ่งมาปักชำในที่ร่ม โดยใช้ดินร่วนซุย ระยะแรกให้น้ำเพียงวันละครั้งจนกว่าต้นปักชำจะเกิดราก จากนั้นค่อยให้น้ำ 1-2 ครั้งต่อวัน

ข้อดี : ให้ลำต้นเตี้ย ชั้นของกิ่งหรือปล้องของลำต้นถี่ แน่น ลำต้นไม่สูง การเติบโตช้า แต่จะให้ลักษณะสีใบ ขนาดใบ และความสวยเหมือนต้นที่ปลูกด้วยเมล็ด เหมาะสำหรับใช้เป็นไม้ประดับ ตกแต่งสวนหย่อม

- เจริญเติบโตเร็ว

- ไม่ผลัดใบ ใบร่วงน้อย

- สามารถดูดสารพิษและดักจับฝุ่นได้เป็นอย่างดี

- โรคแมลงรบกวนน้อย

- มีสรรพคุณทางยา

- ต้องเผื่อพื้นที่ให้ต้นสนฉัตรเจริญเติบโต ไม่อย่างนั้นอาจเบียดบังต้นไม้อื่น หรือพื้นที่ใช้สอยในบ้าน

- ทรงพุ่มของต้นสนฉัตรไม่ค่อยให้ร่มเงา

- ไม่ชอบดินเหนียว และไม่ชอบน้ำขัง

ชื่อวิทยาศาสตร์ของต้นสนฉัตร : Araucaria heterophylla (Salisb.) Franco

ชื่อภาษาอังกฤษของต้นสนฉัตร : House Pine, Norfolk Island Pine

ลำต้นของต้นสนฉัตร : เป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มเป็นรูปกรวย ยอดเรียวแหลม แตกกิ่งเป็นชั้นตั้งฉากกับลำต้น เท่าๆ กันทุกๆ ด้าน เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลอมเทา แตกสะเก็ดตามแนวขวางและมีรอยแผลการหลุดของกิ่งชัดเจน

ดอกของต้นสนฉัตร : ไม่มีดอกแท้ เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอาจอยู่ในต้นเดียวกัน หรืออาจแยกกันอยู่ ดอกจะแทงออกบริเวณยอด

ผลของต้นสนฉัตร : ผลแห้งแตกอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เรียกว่าโคน รูปกรวยหรือรูปไข่

เมล็ดของต้นสนฉัตร : ทรงกลมขนาดใหญ่

ใบของต้นสนฉัตร : ใบเป็นใบเดี่ยว เปลี่ยนรูปคล้ายเกล็ด รูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ ปลายแหลมโค้งเข้าด้านใน มีติ่งหนาม ประกอบเป็นช่อใบ อยู่บนกิ่งคล้ายหางกระรอก เรียงตรงข้ามคล้ายขนนก บนกิ่งที่แตกเป็นชั้น ๆ ช่อใบอ่อนตั้งขึ้นและช่อใบแก่ห้อยลง สีเขียวอมน้ำเงิน ต้นอายุมากใบจะเล็กแน่นสีเขียวอมเหลือง

โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และการปักชำ

ปลูกได้ในดินทั่วไปที่ระบายน้ำและอากาศดี ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดตลอดวัน ทนแล้ง ทนต่อทุกสภาพดิน ปลูกได้ทั้งกลางแจ้งและในร่ม เป็นไม้ไม่ผลัดใบ จึงไม่ค่อยมีปัญหาเก็บกวาดเศษใบไม้

1. น้ำยาง สีค่อนข้างขาว และมีกลิ่นหอม นำมาทำเทียนไข ทำยาทาแก้ฟกซ้ำ แก้ปวดเมื่อย และรักษาบาดแผล
2. เมล็ด สามารถนำมารับประทานเป็นอาหาร

เนื้อไม้ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ นิยมปลูกในกระถางตั้งประดับบ้าน หรือปลูกเป็นไม้ประธานของสวน หรือปลูกเพื่อพรางสายตาจากภายนอก รอบตัวบ้าน หรือปลูกเป็นแนวบอกเขต เป็นไม้ดูดสารพิษ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่สภาพแวดล้อมภายในอาคาร ด้วยการคายน้ำได้มาก ดักจับฝุ่นดี

คนไทยนิยมปลูก เพราะรูปทรงคล้ายฉัตร ถือว่าเป็นของมงคล ซึ่งฉัตรจะสื่อถึง ความมีเกียรติยศ ความสง่างาม