ลักษณะพฤกษศาสตร์ของซ่อนกลิ่น (3562)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Polianthes tuberosa
ชื่อวงศ์: Amaryllidacecae
ชื่อสามัญ: Tuberose
ชื่อพื้นเมือง: ดอกรวงข้าว, ดอกลีลา
ลักษณะทั่วไป:
ต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ซึ่งใช้เป็นแหล่งสะสมอาหาร รอบ ๆ หัวจะมีตาอยู่ซึ่งสามารถเจริญเติบโตเป็นลำต้นหรือหัวต่อไปได้ ลักษณะของหัวจะคล้ายๆ กับหัวหอม
ราก จะเป็นระบบรากฝอย มีสีน้ำตาลขนาดเล็กมีจำนวนไม่มากนัก มีขนาดสั้นจนถึงยาวประมาณ 1 ฟุต
ใบ ใบเจริญมาจากฐานหัว เรียวยาวโผล่ออกมาจากพื้นดิน มีความยาวประมาณ 30-40 ซม. กว้าง 2-3 ซม. ใบมีสีเขียวสดมีจุดแดงที่ฐานใบ กลางใบห่อเข้าหากัน ใบหนาพอสมควร ใบล่างจะมีขนาดเล็กกว่า ใบที่อยู่ติดกันขึ้น ใบที่แตกใหม่จะตั้งขึ้น ใบแก่จะห้อยลง
ดอก จะชูช่อออกมาตรงกลางกอของลำต้นและมีดอกเกาะตรงก้านดอกเรียงกันเป็นแนวตามก้านดอก ดอกมีสีขาวยาวประมาณ 1 นิ้ว ช่อดอกหนึ่งๆ จะยาวประมาณ 2-2.5 ฟุต แต่ละช่อดอกจะมีดอกย่อยประมาณ 40-90 ดอก กลีบดอกแต่ละกลีบจะไม่เท่ากัน กว่าดอกจะบานหมดทั้งช่อใช้เวลา 5-7 วัน พันธุ์ที่ใช้ปลูก
• พันธุ์ดอกลา มีกลีบดอกเพียงชั้นเดียว
• พันธุ์ดอกซ้อน มีกลีบดอกซ้อนกัน
การปลูก: นิยมปลูกกันตอนต้นฤดูฝน ประมาณเดือน พค.-กค. โดยปลูกในร่องที่เตรียมไว้ใช้ระยะปลูก 30 x 30 หรือ 40 x 40 ซม. ปลูกแบบสลับฟันปลา 1 หัว/หลุ่ม การฝังหัวควรให้หัวเหลือโผล่ขึ้นมาประมาณ 1/3 เพื่อป้องกันไม่ให้หัวเน่า และควรใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมแปลงปลูกไว้เพื่อเก็บความชื้นและช่วยป้องกันวัชพืชงอกบนแปลงด้วยและยังทำให้ต้นแตกกอดีขึ้น หลังจากปลูกประมาณ 1 สัปดาห์จะมีใบแตกออกมา การให้น้ำ เนื่องจากซ่อนกลิ่นเป็นพืชที่ชอบความชื้นสูง แต่ไม่แฉะ จึงควรให้ความชื้นสม่ำเสมอ ถ้าฝนไม่ตกก็ให้น้ำ 2 วันหรือ 3 วันครั้งแล้วแต่สภาพดิน
การดูแลรักษา: เป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดจัดควรปลูกไว้กลางแจ้ง ชอบดินร่วนไม่ชอบดินเหนียวและต้องมีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ซ่อนกลิ่นเป็นไม้ที่ชอบน้ำต้องหมั่นรดน้ำให้เปียกชื้นอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งผากจะทำให้ซ่อนกลิ่นออกดอกไม่ดก
การขยายพันธุ์:
1. การแยกหน่อ ทำได้โดยการใช้มือหรือมีดปลิดแยกหน่อออกจากกอเดิมแล้วนำไปปลูกลงแปลงได้ทันที การแยกหน่อควรแยกก่อนออกดอก วิธีการนี้จะทำได้ง่ายและได้ต้นใหม่จำนวนมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณของกอเดิมด้วย
2. การใช้หัว เป็นวิธีการที่นิยมกันมาก ทำง่าย สะดวก และเกษตรกรสามารถเก็บรักษาส่วนที่ขยายพันธุ์ไว้ปลูกในฤดูต่อไปด้วย
3. การแบ่งหัว เป็นวิธีการขยายพันธุ์โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติคล้ายกับการขยายพันธุ์บอนสีโดยการแบ่งหัวให้มีตาติดอยู่กับส่วนที่ตัด แล้วนำไปปักชำ เมื่อต้นงอกและมีใบประมาณ 2-3 ใบ ก็นำไปปลูกได้ แต่เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ช้า ไม่เหมาะที่จะทำเป็นการค้า การเก็บรักษาหัวเพื่อใช้ขยายพันธุ์ในฤดูกาลต่อไป การเก็บหัวจะเก็บจากแปลงที่มีอายุเลย 3 ปีไปแล้ว เพราะซ่อนกลิ่นที่อายุมาก ผลผลิตจะลดลง จำเป็นต้องรื้อแปลงปลูกใหม่ ก่อนจะทำการเก็บหัวควรงดการให้น้ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งสังเกตว่าใบเหลืองจนหมดแล้ว จึงขุดเอาหัวขึ้นมา สลัดเอาดินออกให้หมด แล้วนำไปเก็บไว้ในที่ร่ม ไม่ให้ถูกฝน หัวที่กองไว้ควรหมั่นกลับทุก ๆ 2-3 วัน กรณีที่เก็บนาน ๆ ควรแช่ยากันราก่อนเพื่อป้องกันเชื้อราเข้าทำลาย
ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอกมีกลิ่นหอมมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน
การใช้ประโยชน์:
- ปลูกเป็นไม้ดอก
- บริโภค
ถิ่นกำเนิด: แถบอเมริกาใต้ แถวเขาแอนดีส
ส่วนที่ใช้บริโภค: ดอก
การปรุงอาหาร: ดอกตากแห้งใส่แกงจืดรับประทาน
ชื่อวงศ์: Amaryllidacecae
ชื่อสามัญ: Tuberose
ชื่อพื้นเมือง: ดอกรวงข้าว, ดอกลีลา
ลักษณะทั่วไป:
ต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ซึ่งใช้เป็นแหล่งสะสมอาหาร รอบ ๆ หัวจะมีตาอยู่ซึ่งสามารถเจริญเติบโตเป็นลำต้นหรือหัวต่อไปได้ ลักษณะของหัวจะคล้ายๆ กับหัวหอม
ราก จะเป็นระบบรากฝอย มีสีน้ำตาลขนาดเล็กมีจำนวนไม่มากนัก มีขนาดสั้นจนถึงยาวประมาณ 1 ฟุต
ใบ ใบเจริญมาจากฐานหัว เรียวยาวโผล่ออกมาจากพื้นดิน มีความยาวประมาณ 30-40 ซม. กว้าง 2-3 ซม. ใบมีสีเขียวสดมีจุดแดงที่ฐานใบ กลางใบห่อเข้าหากัน ใบหนาพอสมควร ใบล่างจะมีขนาดเล็กกว่า ใบที่อยู่ติดกันขึ้น ใบที่แตกใหม่จะตั้งขึ้น ใบแก่จะห้อยลง
ดอก จะชูช่อออกมาตรงกลางกอของลำต้นและมีดอกเกาะตรงก้านดอกเรียงกันเป็นแนวตามก้านดอก ดอกมีสีขาวยาวประมาณ 1 นิ้ว ช่อดอกหนึ่งๆ จะยาวประมาณ 2-2.5 ฟุต แต่ละช่อดอกจะมีดอกย่อยประมาณ 40-90 ดอก กลีบดอกแต่ละกลีบจะไม่เท่ากัน กว่าดอกจะบานหมดทั้งช่อใช้เวลา 5-7 วัน พันธุ์ที่ใช้ปลูก
• พันธุ์ดอกลา มีกลีบดอกเพียงชั้นเดียว
• พันธุ์ดอกซ้อน มีกลีบดอกซ้อนกัน
การปลูก: นิยมปลูกกันตอนต้นฤดูฝน ประมาณเดือน พค.-กค. โดยปลูกในร่องที่เตรียมไว้ใช้ระยะปลูก 30 x 30 หรือ 40 x 40 ซม. ปลูกแบบสลับฟันปลา 1 หัว/หลุ่ม การฝังหัวควรให้หัวเหลือโผล่ขึ้นมาประมาณ 1/3 เพื่อป้องกันไม่ให้หัวเน่า และควรใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมแปลงปลูกไว้เพื่อเก็บความชื้นและช่วยป้องกันวัชพืชงอกบนแปลงด้วยและยังทำให้ต้นแตกกอดีขึ้น หลังจากปลูกประมาณ 1 สัปดาห์จะมีใบแตกออกมา การให้น้ำ เนื่องจากซ่อนกลิ่นเป็นพืชที่ชอบความชื้นสูง แต่ไม่แฉะ จึงควรให้ความชื้นสม่ำเสมอ ถ้าฝนไม่ตกก็ให้น้ำ 2 วันหรือ 3 วันครั้งแล้วแต่สภาพดิน
การดูแลรักษา: เป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดจัดควรปลูกไว้กลางแจ้ง ชอบดินร่วนไม่ชอบดินเหนียวและต้องมีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ซ่อนกลิ่นเป็นไม้ที่ชอบน้ำต้องหมั่นรดน้ำให้เปียกชื้นอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ดินแห้งผากจะทำให้ซ่อนกลิ่นออกดอกไม่ดก
การขยายพันธุ์:
1. การแยกหน่อ ทำได้โดยการใช้มือหรือมีดปลิดแยกหน่อออกจากกอเดิมแล้วนำไปปลูกลงแปลงได้ทันที การแยกหน่อควรแยกก่อนออกดอก วิธีการนี้จะทำได้ง่ายและได้ต้นใหม่จำนวนมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณของกอเดิมด้วย
2. การใช้หัว เป็นวิธีการที่นิยมกันมาก ทำง่าย สะดวก และเกษตรกรสามารถเก็บรักษาส่วนที่ขยายพันธุ์ไว้ปลูกในฤดูต่อไปด้วย
3. การแบ่งหัว เป็นวิธีการขยายพันธุ์โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติคล้ายกับการขยายพันธุ์บอนสีโดยการแบ่งหัวให้มีตาติดอยู่กับส่วนที่ตัด แล้วนำไปปักชำ เมื่อต้นงอกและมีใบประมาณ 2-3 ใบ ก็นำไปปลูกได้ แต่เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ช้า ไม่เหมาะที่จะทำเป็นการค้า การเก็บรักษาหัวเพื่อใช้ขยายพันธุ์ในฤดูกาลต่อไป การเก็บหัวจะเก็บจากแปลงที่มีอายุเลย 3 ปีไปแล้ว เพราะซ่อนกลิ่นที่อายุมาก ผลผลิตจะลดลง จำเป็นต้องรื้อแปลงปลูกใหม่ ก่อนจะทำการเก็บหัวควรงดการให้น้ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งสังเกตว่าใบเหลืองจนหมดแล้ว จึงขุดเอาหัวขึ้นมา สลัดเอาดินออกให้หมด แล้วนำไปเก็บไว้ในที่ร่ม ไม่ให้ถูกฝน หัวที่กองไว้ควรหมั่นกลับทุก ๆ 2-3 วัน กรณีที่เก็บนาน ๆ ควรแช่ยากันราก่อนเพื่อป้องกันเชื้อราเข้าทำลาย
ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอกมีกลิ่นหอมมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน
การใช้ประโยชน์:
- ปลูกเป็นไม้ดอก
- บริโภค
ถิ่นกำเนิด: แถบอเมริกาใต้ แถวเขาแอนดีส
ส่วนที่ใช้บริโภค: ดอก
การปรุงอาหาร: ดอกตากแห้งใส่แกงจืดรับประทาน