ไส้เดือนดิน

- ใช้ได้กับ ไม้ดอก ไม้ใบ ไม้ประดับ ไม้กระถาง กล้วยไม้ สนามหญ้า พืชผักสวนครัวทุกชนิด ไม้ผล และนาข้าว

- ปุ๋ยมูลไส้เดือนใส่ต้นไม้ในกระถาง โดยใช้โรยโคนต้นไม้ 200-300 กรัม ต่อต้น ทุก 7-15 วัน แล้ว หลังใส่ควรพรมน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ปุ๋ยจับตัวกัน แล้วจึงรดน้ำตามปกติ

- ปุ๋ยมูลไส้เดือนใส่ลงไปในแปลงเพาะปลูก ปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อปรับปรุงโครงสร้างของดิน

- ทุกครั้งหลังการใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน ควรคลุมดินด้วยเศษหญ้า ฟางข้าว แล้วรดด้วยน้ำหมักมูลไส้เดือนดิน บนเศษหญ้าหรือใบไม้ที่คลุกให้เปียกชุ่ม

- งดใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช

- ช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารหลักครบถ้วน

- ลดปัญหาการสลายตัวของธาตุอาหาร ไม่ต้องใส่ปุ๋ยบ่อย

- เร่งเซลล์พืชให้ขยายและเติบโตเร็วขึ้น โดยเฉพาะรากแก้ว ทำให้รากแก้วขยายและโตเร็ว ช่วยให้ระบบรากพืชสามารถแพร่กระจายตัวในดินได้กว้าง ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตได้ดี

- ทำให้ดินมีความร่วนซุย ระบายน้ำและอากาศได้ดี รากพืชสามารถชอนไชและเดินหาอาหารได้ง่าย เหมาะสำหรับต้นไม้ที่ปลูกในกระถางนาน

- ปรับสภาพดินให้เหมาะกับการปลูกพืช

- ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อพืช สามารถนำมาใช้ได้เลย ไม่ต้องหมักทิ้งไว้ก่อนใส่ปุ๋ย

- มูลไส้เดือนมีโมเลกุลที่เล็ก ต้นไม้จึงดูดซับได้ง่ายและเร็ว

- ในมูลไส้เดือนดิน ไม่มีวัชพืช โรคและแมลง เมื่อนำไปใช้จึงไม่ต้องกังวลในการกำจัดภายหลัง

- ใช้ผสมดินเหนียว จะช่วยเพิ่มอากาศในดิน ทำให้ดินร่วนซุย และช่วยในการถ่ายเทน้ำและอากาศได้สะดวก

- ใช้ผสมดินทรายช่วยเพิ่มเนื้อดิน ช่วยเก็บรักษาความชื้น และธาตุอาหารในดิน ลดการชะล้างธาตุอาหาร

- ลดค่าใช้จ่าย ปุ๋ยมูลไส้เดือนดินสามารถทำเองได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อปุ๋ยเคมีราคาแพง

- ช่วยควบคุมปริมาณไส้เดือนฝอยในดิน ทำให้มีปริมาณจุลินทรีย์ที่สามารถขับสารพวกอับคาลอยด์และกรดไขมันที่เป็นพิษต่อไส้เดือนฝอยได้เพิ่มขึ้น

มูลไส้เดือนดิน เหมาะสำหรับบำรุงต้น ราก ใช้ในช่วงที่พืชกำลังเติบโต ใช้เป็นส่วนผสมของวัสดุปลูกและวัสดุเพาะกล้าพืชได้ ช่วยให้ดินมีโครงสร้างดีขึ้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี และเก็บความชื้นได้มากขึ้น ช่วยให้ระบบรากพืชกระจายตัวในดินได้ดีขึ้น ซึ่งในมูลไส้เดือนดิน มีธาตุไนโตรเจน(N) 0.995 เปอร์เซ็นต์, ธาตุฟอสฟอรัส (P) 0.669 เปอร์เซ็นต์ และ ธาตุโพแทสเซียม (K) 1.487 เปอร์เซ็นต์

1. ปุ๋ยหมักไส้เดือน คือ มูลไส้เดือนและอินทรียวัตถุที่ย่อยไม่หมด ไส้เดือนดินและจุลินทรีย์ในลำไส้ของไส้เดือนดินจะช่วยเปลี่ยนแปลงรูปธาตุอาหารพืชที่เป็นโมเลกุลใหญ่เปลี่ยนเป็นธาตุอาหารพืชในรูปที่เป็นประโยชน์พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที จัดเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ประกอบด้วยสารอาหารสำหรับพืช จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ และฮอร์โมนพืช

2. น้ำหมักมูลไส้เดือน เป็นของเหลวสีน้ำตาลอ่อนคล้ายน้ำชา ประกอบด้วยสารอาหารสำหรับพืชที่ละลายน้ำ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ และฮอร์โมนพืช

3. ไส้เดือน ตัวไส้เดือนมีปริมาณโปรตีนสูงและประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน จึงสามารถใช้เป็นสารอาหารสัตว์ได้อย่างดี

1. เป็นปุ๋ยที่มาจากธรรมชาติและไม่มีกลิ่น

2. ไม่เป็นอันตรายต่อพืช หากใช้ในอัตราส่วนที่สูงจะสามารถช่วยให้รากงอกเร็วขึ้น

3. ปรับปรุงคุณภาพดิน ลักษณะของมูลไส้เดือนเป็นเม็ดเล็กๆ ช่วยปรับปรุงให้ดินไม่แน่นเกินไปส่งผลให้รากใหญ่และเจริญเติบโตเร็ว

4. มีจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตมากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ซึ่งไม่สามารถพบได้ในมูลสัตว์หรือปุ๋ยหมักอื่นๆ

5. มีธาตุอาหารมากมายที่พืชต้องการ และมีฮอร์โมนซึ่งช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต และการแตกของรากพืช

1. มูลไส้เดือนมีค่า PH เป็นกลาง ไม่เหมาะกับพืชบางชนิดที่ชอบความเป็นกรด

2. ต้องการความเอาใจใส่จากผู้ผลิตมากกว่าปุ๋ยอินทรีย์ทั่วๆ ไป

3. เป็นผลไม่ไวเท่าปุ๋ยเคมี

- ผสมดินก่อนนำไปเลี้ยง โดยใช้ปุ๋ยหมัก 55 ส่วน ขี้เถ้าแกลบเก่า 35 ส่วน และปุ๋ยคอก 10 ส่วน ผสมคลุกเคล้ากัน รดน้ำพอชุ่มคลุมด้วยวัสดุอะไรก็ได้ ทิ้งไว้ประมาณ 2 - 3 อาทิตย์ ความเป็นกรดเป็นด่าง (PH) ของดินที่เหมาะสมเท่ากับ 7

- วัสดุที่นำมาใช้เลี้ยง ใช้วงบ่อหรือถังส้วมซึมเจาะรูด้านล่างให้น้ำไหลลงได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร มีฝาคลุมกันศัตรูของไส้เดือน เช่น นก หนู คางคก ฯลฯ ฝนและแดดส่องได้

- วิธีการเลี้ยง นำส่วนผสมดินใส่ในวงบ่อสูงประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร ปล่อยไส้เดือนดินอายุ 2 - 3 เดือนลงไป (ถ้ามีอายุมากหรือขนาดโตจะให้ลูกน้อย) 10 - 20 คู่ บนดินคลุมด้วยใบไม้แห้ง เพื่อช่วยกันความชื้นและเป็นอาหารของไส้เดือนดิน ทิ้งไว้ประมาณ 5 - 6 เดือนก็จะได้ลูกไส้เดือนเป็นจำนวนมาก

ข้อควรระวัง การเลี้ยงไส้เดือนดินอย่าให้ดินแห้งหรือแฉะเกินไป และอย่าไปรบกวนหรือให้แสงแดดสว่างจัด ควรมีการใช้วัสดุคลุมป้องกันแสง