ว่านงาช้างเขียว บำรุงโลหิต รักษาฝ้า ตกกระ (3790)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Sanseviera intermidia (N.E. Br.)
วงศ์: Liliaceae
ลำต้น เป็นลักษณะแท่งกลมๆ สีเขียว แทงขึ้นมาจากใต้ดินทีเดียว ยาวขึ้นมาเป็นสีเขียวสดประมาณ 1 ศอกเศษ ส่วนปลายเรียวแหลม คล้ายงาช้างสีเขียว
ใบ ใบอ่อนของว่านนี้จะเป็นสีเขียวสดใส พอแก่จัดสีเขียวของใบนี้จะเป็นสีเขียวเข้ม ออกสีลายขาวสลับกันอยู่ แตกต่างจากเมื่อยังอ่อนอยู่
เวลาออกดอก ก้านดอกจะแทงออกมาจากโคนกอ หาต้นสูงขึ้นไปอีกก็จะมีดอกตามก้านใบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงส่วนปลายของก้านทีเดียว
ดอก จะเป็นสีน้ำตาลค่อนข้างเข้ม เวลาบานออกจะเห็นเป็นสีขาวตามกลีบดอกของใบ ส่งกลิ่นหอม ลักษณะเด่นของว่านหางช้างอีกอย่างคือ หอมได้ทนนาน ดอกก็อยู่ทนนาน จึงเหมาะที่จะปลูกบริเวณบ้าน
สรรพคุณ
- บำรุงโลหิตได้ดี โดยเอาใบว่านงาช้างเขียวประมาณ 1 กำมือ ดองกับเหล้าขาวหรือเหล้าโรง 1 ขวด ดองไว้ประมาณ 1 เดือน แล้วเอามาดื่มเพียงครั้งละค่อนถ้วยตะไล เวลาเย็นวันละ 1 ครั้ง หรือจะดื่มเช้าและเย็นก็ได้ ก่อนอาหาร
หากว่าไม่ชอบดื่มเป็นเหล้า ให้เอามาต้มเป็นยาต้มก็ได้ ให้ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็นวันละ 2 เวลา ครั้งละ 1 ถ้วยตะไล จะทำให้มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง
- รักษาอาการใบหน้าเป็นฝ้าหน้าตกกระ โดยเอาใบของว่านงาช้างมาล้างให้สะอาด แล้วเอามาตัดเป็นท่อนสั้นๆ โขลกหรือทุบให้แตกออกมากๆ เอาไปต้มกับน้ำสะอาด เอาน้ำยาที่ได้มาดื่มครั้งละ 1 ถ้วยตะไล เช้าเย็นอย่างละครั้ง
- ใช้ขับโลหิตเสีย โลหิตเป็นพิษหลังคลอด โดยให้เอาใบของว่านงาช้างเขียวมาล้างให้สะอาด ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ โขลกให้ละเอียดเสียก่อน เอามาต้มสัก 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมขึ้นมาพอสมควร ต้มไปสัก 15 นาที ยกเอาลงมาให้เย็นลงตามปกติ พออุ่นๆก็รินเอาดื่มครั้งละ 1 ถ้วยตะไล เช้าและเย็น ก่อนอาหาร ทุกวัน
- คั้นเอาน้ำมาดื่มเพื่อเบื่อพยาธิในร่างกาย
- รักษาริดสีดวงทวาร
- เอามาเผา แล้วคั้นเอาน้ำออกมา เอาไปหยอดรูหู แก้อาการปวดในหู หูอักเสบ เจ็บปวด หูน้ำหนวกก็ใช้ได้
- น้ำคั้นจากว่านมาชโลมเส้นผม รักษารากผมให้สมบูรณ์แข็งแรง เส้นผมดกดำเป็นเงางาม ไม่ร่วงหล่น
วงศ์: Liliaceae
ลำต้น เป็นลักษณะแท่งกลมๆ สีเขียว แทงขึ้นมาจากใต้ดินทีเดียว ยาวขึ้นมาเป็นสีเขียวสดประมาณ 1 ศอกเศษ ส่วนปลายเรียวแหลม คล้ายงาช้างสีเขียว
ใบ ใบอ่อนของว่านนี้จะเป็นสีเขียวสดใส พอแก่จัดสีเขียวของใบนี้จะเป็นสีเขียวเข้ม ออกสีลายขาวสลับกันอยู่ แตกต่างจากเมื่อยังอ่อนอยู่
เวลาออกดอก ก้านดอกจะแทงออกมาจากโคนกอ หาต้นสูงขึ้นไปอีกก็จะมีดอกตามก้านใบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงส่วนปลายของก้านทีเดียว
ดอก จะเป็นสีน้ำตาลค่อนข้างเข้ม เวลาบานออกจะเห็นเป็นสีขาวตามกลีบดอกของใบ ส่งกลิ่นหอม ลักษณะเด่นของว่านหางช้างอีกอย่างคือ หอมได้ทนนาน ดอกก็อยู่ทนนาน จึงเหมาะที่จะปลูกบริเวณบ้าน
สรรพคุณ
- บำรุงโลหิตได้ดี โดยเอาใบว่านงาช้างเขียวประมาณ 1 กำมือ ดองกับเหล้าขาวหรือเหล้าโรง 1 ขวด ดองไว้ประมาณ 1 เดือน แล้วเอามาดื่มเพียงครั้งละค่อนถ้วยตะไล เวลาเย็นวันละ 1 ครั้ง หรือจะดื่มเช้าและเย็นก็ได้ ก่อนอาหาร
หากว่าไม่ชอบดื่มเป็นเหล้า ให้เอามาต้มเป็นยาต้มก็ได้ ให้ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็นวันละ 2 เวลา ครั้งละ 1 ถ้วยตะไล จะทำให้มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง
- รักษาอาการใบหน้าเป็นฝ้าหน้าตกกระ โดยเอาใบของว่านงาช้างมาล้างให้สะอาด แล้วเอามาตัดเป็นท่อนสั้นๆ โขลกหรือทุบให้แตกออกมากๆ เอาไปต้มกับน้ำสะอาด เอาน้ำยาที่ได้มาดื่มครั้งละ 1 ถ้วยตะไล เช้าเย็นอย่างละครั้ง
- ใช้ขับโลหิตเสีย โลหิตเป็นพิษหลังคลอด โดยให้เอาใบของว่านงาช้างเขียวมาล้างให้สะอาด ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ โขลกให้ละเอียดเสียก่อน เอามาต้มสัก 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วมขึ้นมาพอสมควร ต้มไปสัก 15 นาที ยกเอาลงมาให้เย็นลงตามปกติ พออุ่นๆก็รินเอาดื่มครั้งละ 1 ถ้วยตะไล เช้าและเย็น ก่อนอาหาร ทุกวัน
- คั้นเอาน้ำมาดื่มเพื่อเบื่อพยาธิในร่างกาย
- รักษาริดสีดวงทวาร
- เอามาเผา แล้วคั้นเอาน้ำออกมา เอาไปหยอดรูหู แก้อาการปวดในหู หูอักเสบ เจ็บปวด หูน้ำหนวกก็ใช้ได้
- น้ำคั้นจากว่านมาชโลมเส้นผม รักษารากผมให้สมบูรณ์แข็งแรง เส้นผมดกดำเป็นเงางาม ไม่ร่วงหล่น