เฮลิโคเนีย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Heliconia chartacea Lane ex ‘Sexy Pink’

ชื่อภาษาอังกฤษ : Flamingo, Roseo-Pendula

ลำต้น : เป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นใต้ดิน

ใบ : เป็นใบเดี่ยว ใบคล้ายกล้วย รูปแถบยาว ปลายมนหรือติ่งแหลม โคนรูปหัวใจเว้าตื้น ขอบเรียบ สีเขียวเข้ม ใบเป็นมัน ก้านใบแผ่เป็นกาบ ใบแก่แฉกเป็นริ้ว

ดอก : ออกเป็นช่อห้อยที่ปลายยอด ดอกสีเขียว แกนช่อดอกสีแดงหรือสีชมพูเข้ม ใบประดับรูปเรือสีชมพู ขอบและปลายสีเขียว มีนวล

เพาะเมล็ด แยกกอ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

ปลูกได้ในดินร่วน ต้องการน้ำมาก ชอบแดดรำไร

นิยมปลูกประดับสวน ปลูกเป็นไม้กระถางหรือไม้ตัดดอก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Heliconia stricta Huber ‘Big Bud’

ชื่อภาษาอังกฤษ : Wild plantain, Balisier, burgundy, Red caribaea, Red caribe, Volcano red

ชื่ออื่นๆ : ก้ามปูแดงดอกใหญ่, เพอเพอเรีย

ลำต้น : เป็นไม้พุ่ม มีหัวใต้ดิน ลำต้นเทียมเกิดจากใบที่ซ้อนเกยกันแบบกาบกล้วย เจริญเติบโตแบบแตกกอ

ใบ : เป็นใบเดี่ยว รูปคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ ผิวใบเกลี้ยง ไม่มีขน แผ่นใบสีเขียว เห็นเส้นใบขนานแบบขนนกชัดเจน ก้านใบสีเขียวหรือสีแดง

ดอก : ออกเป็นช่อ ช่อดอกตั้ง ดอกสีเขียวเข้ม กาบรองดอกขนาดใหญ่ 3-6 อัน สีแดง ขอบสีเขียวปนเหลือง เรียงซ้อนเกยสลับกัน โคนด้านในเหลือง

เพาะเมล็ด แยกหน่อ

ปลูกได้ในดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำมาก ชอบแดดรำไรหรือเต็มวัน ทนน้ำท่วมขัง

ปลูกเป็นไม้ประดับสวน หรือริมน้ำ ไม้ตัดดอก

ชื่อวิทยาศาสตร์ของต้นเฮลิโคเนีย "บันไดสวรรค์" : Heliconia caribaea Lam.

ชื่อภาษาอังกฤษของต้นเฮลิโคเนีย "บันไดสวรรค์" : False bird of paradise, Wild plantain, Balisier

ลักษณะลำต้นของต้นเฮลิโคเนีย "บันไดสวรรค์" : เป็นไม้ล้มลุก เจริญเป็นกอ ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า แตกหน่อ

ลักษณะใบของต้นเฮลิโคเนีย "บันไดสวรรค์" : เป็นใบเดี่ยว แผ่นใบรูปแถบยาว ปลายมนมีติ่งแหลม ขอบเรียบ โคนใบกลม มีนวล

ลักษณะดอกของต้นเฮลิโคเนีย "บันไดสวรรค์" : ออกเป็นช่อกลางต้นที่ปลายยอด ไม่มีก้านช่อดอก กาบรองดอกมีขนาดใหญ่ ปลายแหลม เรียงสลับซ้อนเกยกันเป็น 2 แถวในแนวตั้งระนาบเดียวกัน สีเหลืองหรือสีแดง บางครั้งสั้นและปลายมีสีเหลืองหรือสีเขียว แกนช่อดอกตั้งตรง ในกาบรองดอกมีดอกอยู่ 9-22 ดอก ผิวกลีบเลี้ยงไม่มีขนปกคลุม กลีบดอกเหยียดตรงหรือโค้งเล็กน้อย โคนกลีบดอกสีขาว ด้านปลายสีเขียว

ลักษณะผลของต้นเฮลิโคเนีย "บันไดสวรรค์" : เป็นผลแบบมีเนื้อ มีเมล็ดเปลือกแข็งอยู่ข้างใน รูปร่างคล้ายผลท้อ มีเนื้อนุ่ม ผลมีหลายสีต่างกันไป ที่พบในทวีปอเมริหา ผลแก่จะมีสีน้ำเงิน ส่วนที่พบในแปซิฟิก ผลแก่จะมีสีส้ม

การเพาะเมล็ด การแยกหน่อ

ปลูกได้ในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ต้องการน้ำมาก แต่ไม่ชอบน้ำขังแฉะ ปลูกได้ทั้งกลางแจ้งและแสงแดดร่มรำไร มีโรคและแมลงน้อย ไม่ควรปลูกให้โดนแสงแดดจัดจนเกินไป เพราะสีของดอกจะไม่สด ใบเหลือง และไหม้ไม่สวยงาม

ปลูกประดับสวน เป็นไม้กระถาง ปลูกประดับตามแนวรั้วหรือตัดดอก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Heliconia spp.

ชื่ออื่นๆ : ธรรมรักษา ก้ามกุ้ง ก้ามกั้ง สร้อยกัทลี

ลำต้น : เป็นไม้ล้มลุก อวบน้ำ มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่า เหง้า มีลักษณะคล้ายกับกล้วย ส่วนของลำต้นเหนือดิน เรียกว่า “ต้นเทียม” ลำต้นเจริญเติบโตแตกหน่อออกมาเป็นกอ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Heliconia spp.

ใบ : มีสีเขียว ผิวเรียบเป็นมัน ขนาดของใบเฮลิโคเนีย ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ มีทั้งใบที่คล้ายกล้วย คือ มีก้านใบยาวอยู่ในแนวตั้ง, ใบที่คล้ายขิง คือ มีก้านใบสั้นอยู่ในแนวนอน และใบที่คล้ายพุทธรักษา คือ มีก้านใบสั้น หรือยาวไม่มากนัก และใบทุกมุมป้านกับลำต้น

ดอก : ออกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ช่อดอกมักแทงออกกลางลำต้นเทียม และเป็นส่วนสุดท้ายของการเจริญเติบโต ช่อดอกมีแบบช่อดอกตั้งหรือห้อยลง ซึ่งแล้วแต่ชนิดของพันธุ์ ดอกมีหลายสี

โดยการเพาะเมล็ด แยกหน่อ

ปลูกได้ในดินร่วนซุย หรือดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำปานกลางจนถึงมาก ชอบแดดร่มรำไร จนถึงแดดจัด มีโรคและแมลงน้อย

นิยมนำมาใช้บูชาพระ หรือปลูกเพื่อเป็นไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ปลูกใส่กระถางตกแต่งบ้านเรือน หรือปลูกลงดินเป็นแนวรั้วตามกำแพง