ชื่อวิทยาศาสตร์ : Durio zibthinus murray
ชื่อภาษาอังกฤษ : Puangmanee Durian
ลำต้น : เป็นไม้ยืนต้น มีทรงพุ่มสูงโปร่ง ลำต้นมีลักษณะกลม เป็นไม้เนื้อแข็ง มีเปลือกแข็งขรุขระจะลอกหลุดออก มีสีเทา
ใบ : เป็นใบเดี่ยว รูปไข่ ปลายเรียวแหลม ผิวใบเรียบลื่น ใบด้านบนมีสีเขียว มีนวล ใบด้านล่างมีสีน้ำตาล
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ มีลักษณะรูปทรงระฆัง ดอกมีสีขาว มีกลิ่นหอม มีก้านดอกยาว ดอกจะออกบนลำต้นและบนกิ่ง
ผล : ทรงกลม ยาวรี ผิวเปลือกหนาแข็ง มีหนามแหลมยาว ผลอ่อนมีสีเขียว ผลสุกมีสีน้ำตาลปนเขียว มีเนื้อสีเหลืองสดเข้ม แยกอยู่เป็นพูชัดเจน ผลมีขนาดเล็ก มีเนื้อน้อย เนื้อละเอียดเหนียวนุ่ม มีรสชาติหวานมัน มีกลิ่นหอมมาก
เมล็ด : เมล็ดใหญ่สีน้ำตาล ทรงรีแข็ง ผิวเรียบลื่น ข้างในเปลือกเมล็ดมีสีขาว
โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง การติดตา การทาบกิ่ง การเสียบยอด
ปลูกได้ในดินร่วนปนทราย ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดจัด
- เปลือกทุเรียน มีสรรพคุณทางยาที่ช่วยรักษากลาก เกลื้อน
- เนื้อทุเรียน มีกำมะถันที่ให้ความร้อนแก่ร่างกาย พร้อมทั้งช่วยบำรุงกำลัง และช่วยขับพยาธิไส้เดือน ทุเรียนพวงมณีมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งสารอาหารชนิดนี้มีส่วนช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก และช่วยชะลอการเสื่อมของกระจกตา
- ใบทุเรียน นำมาใช้เพื่อขับพยาธิและแก้ดีซ่าน
นิยมรับประทานเป็นผลไม้
ข้อควรระวัง : ทุเรียนพวงมณีมีน้ำตาลสูง มีไขมันสูง มีความร้อนสูง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควรระวังในการรับประทาน