ถั่วเขียวที่นิยมปลูกมี 2 ชนิด คือ ถั่วเขียวผิวมัน (Vigna radiata (L.) Wilczek และถั่วเขียวผิวดำ (Vigna mungo (L.) Hepper
1.1 พันธุ์กำแพงแสน1 อายุประมาณ 65-75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 208 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 1,000เมล็ด เท่ากับ 69 กรัม ลักษณะเด่นคือ ฝักส่วนใหญ่อยู่เหนือทรงพุ่ม ต้านทางโรคใบจุดสีน้ำตาลและโรคราแป้งในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับการปลูกในฤดูฝนหรือในเขตชลประทาน ข้อด้อยคือ ค่อนข้างอ่อนแอต่อดินด่าง
1.2 พันธุ์กำแพงแสน2 อายุประมาณ 65-75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 193 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 1,000เมล็ด เท่ากับ 66 กรัม ลักษณะเด่นฝักอยู่เหนือทรงพุ่ม ต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาลและโรคราแป้งในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับปลูกในฤดูแล้ง นอกเขตชลประทาน ข้อด้อยคือ อ่อนแอมากต่อดินด่าง
1.3 พันธุ์ชัยนาท60 อายุประมาณ 55-60 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 175 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 1,000เมล็ด เท่ากับ 62 กรัม ลักษณะเดินทรงพุ่มเล็ก ต้นเตี้ย ฝักอยู่เหนือทรงพุ่มเด้นชัด อายเก็บเกี่ยวสั้น เหมาะสำหรับการปลูกต้นฝน ทนดินด่าง ข้อเด้อยคือฝักแก่ค่อนข้างแตกง่าย อ่อนแอต่อโรคใบจุดสีน้ำตาล
1.4 พันธุ์ชัยนาท36 อายุประมาณ 67 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 216 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 1,000เมล็ด เท่ากับ 72 กรัม ลักษณะเด่น ขนาดเมล็ดใหญ่ทนทานดินด่าง ต้านทานใบจุดสีน้ำตาลปานกลาง เหมากะสำหรับการปลูกปลายฝยและฤดูแล้ง เป็นพันธุ์ที่มีการสุกของฝักชุดแรกและชุดสุดท้ายใกล้เคียงกันมากที่สุด คือ ฝักแรกแก่ห่างจากฝักสุดท้ายประมาณ 12 วัน ข้อด้วยคือ ไม่ต้านทานต่โรคราแป้ง
1.5 พันธุ์ชัยนาท72 มีอายุเก็บเกี่ยว 63 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 224 -230 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 1000 เมล็ด ประมาณ 66 กรัม ลักษณะเด่น ปลูกได้ในทุกฤดูและทุกภาค ต้านทานหนอนแมลงวันเจาะลำต้นปานกลาง
1.6 พันธุ์ มอ1 ปรับปรุงพันธุ์โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อายุประมาณ 65 - 75 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 208 กิโลกรัมต่อไร่ ลักษณะเด่นเป็นพันธุ์ที่ทนต่อสภาพน้ำขัง เหมาะสำหรับการปลูกในภาคใต้ เช่น ปลูกแซมในสวนยาง มีความต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาลปานกลาง ข้อด้อย คือค่อนข้างอ่อนแอต่อดินด่าง
1.7 พันธุ์ มทส.1 อายุประมาณ 65 - 70 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 221 กิโลกรัมต่อไร่ ลักษณะเด่น ฝักมีลักษณะเป็นหวี อยู่เหนือทรงพุ่ม เก็บเกี่ยวง่าย ฝักไม่มีขน ฝักเหนี่ยวไม่แตกง่าย เวลาถูกฝนน้ำไม่ซึมผ่านฝักเข้าไปหาเมล็ด ดังนั้นจึงสามารถรอเก็บเกี่ยวฝักรุ่น 1 และรุ่น 2 พร้อมกันได้ ทนทานต่อโรคใบจุดสีน้ำตาล และราแป้งปานกลาง ข้อด้อย คือยังมีลักษณะเมล็ดตันหลงเหลืออยู่
2.1 พันธุ์อู่ทอง2 อายุประมาณ 90 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 180 กิโลกรัมต่อไร่น้ำหนัก 1,000 เมล็ด ประมาณ 44 กรัม เมล็ดสีน้ำตาลหรือสีแดง ขนาดเมล็ดเล็กสม่ำเสมอ
2.2 พันธุ์พิษณุโลก2 มีทรงพุ่มเตี้ยแคบและโปร่งกว่าพันธุ์อู่ทอง 2 อายุประมาณ 77 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 190 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนัก 1,000 เมล็ด ประมาณ 50 กรัม ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 2 โดยเฉพาะเมื่อปลูกในฤดูแล้ง