ข้อดี ประหยัดค่าขนส่ง เก็บรักษาไว้ได้นานกว่าปุ๋ยน้ำ สามารถเก็บรักษาได้ถึง 10 ปี
ข้อเสีย หากตวงไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ปุ๋ยมีความเข้มข้นสูงเกินสัดส่วนที่กำหนด ส่งผลให้พืชมีอาการรากเน่า หรือหากผสมปุ๋ยเจือจางเกินไปผักอาจจะไม่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่
ธาตุอาหารแต่ละชนิดจะถูกบรรจุแยกในซอง ธาตุอาหารหลักจะจัดไว้ในชุด A และธาตุอาหารรองจะเป็นชุด B หากต้องการนำปุ๋ยไปใช้ปลูกพืชต้องผสมให้เป็นปุ๋ยน้ำเข้มข้นเสียก่อน แล้วจึงนำไปใช้ในระบบไฮโดรโปนิกส์ ตามสัดส่วนที่แต่ละยี่ห้อได้กำหนดไว้ ปุ๋ยแห้ง AB ชนิดแห้ง เหมาะกับพืชที่ใช้ระยะเวลาการเติบโตประมาณ 40 - 50 วัน แล้วเก็บผลผลิต
เป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการผสมแร่ธาตุแบบผงตามอัตราส่วน ด้วยการนำสารประกอบชุด A และชุด B ไปทำละลายในน้ำเป็นแม่ปุ๋ย สำหรับเป็นสารอาหารให้ผักไฮโดรโปนิกส์ เหมาะสำหรับผู้ที่ปลูกผักในปริมาณไม่มาก อาจจะเป็นการปลูกในบ้านหรือคอนโด สำหรับไว้รับประทานกันเองในครอบครัว ปุ๋ย AB ชนิดน้ำ เหมาะกับพืชตระกูลแตง, ผักไทย, ไม้ผลต่าง ๆ รวมถึงผักสลัด
ข้อดี มีการผสมให้ได้สัดส่วนตามฉลากแล้ว จึงสามารถใช้งานได้ทันที
ข้อเสีย มีน้ำหนักมากกว่าปุ๋ยแห้ง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการขนส่งจำนวนมาก และมีอายุการใช้งานเพียงแค่ 4 เดือน หลังจากนั้นจะเกิดการตกตะกอนทำให้พืชไม่สามารถดูดซึมสารอาหารเอาไปใช้ได้